ไขข้อข้องใจ กรณีแบบไหนประกันภัยรถยนต์ไม่คุ้มครอง

ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง
อย่างที่ทราบกันดีว่า ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เป็นแผนประกันภัยที่ค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์สูงที่สุด ซึ่งอาจสูงถึง 60,000 บาทต่อปี แต่ก็แลกมากับความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุดเช่นกัน โดยจะรับประกันภัยรถยนต์และรถกระบะนั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง จำกัดอายุรถยนต์ตั้งแต่ 2 - 10 ปี ตามเงื่อนไข เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความอุ่นใจขณะขับขี่สูงสุด โดยเฉพาะรถยนต์ป้ายแดง มือใหม่หัดขับที่ต้องการความคุ้มครองเป็นพิเศษ ได้แก่
1. ความเสียหายต่อตัวรถที่ทำประกันภัย กรณีสูญหาย ไฟไหม้ และอุบัติเหตุ
2. ความเสียหายต่อบุคคลภายนอก ทั้งทรัพย์สิน ชีวิต และร่างกาย
3. ความคุ้มครองเพิ่มเติมตามเอกสารแนบท้าย ได้แก่ อุบัติเหตุส่วนบุคคล ค่ารักษาพยาบาล การประกันตัวผู้ขับขี่ และภัยก่อการร้าย

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ไม่คุ้มครองอะไรบ้าง
กลายเป็นอีกหนึ่งคำถามที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 มีข้อยกเว้นที่ไม่ได้ให้ความคุ้มครองและไม่สามารถยื่นเคลมประกันได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะการใช้งานรถยนต์ที่ผิดประเภท และละเมิดเงื่อนไขแผนประกันภัย ดังนี้
ไม่มีใบขับขี่
หากไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ถูกเพิกถอนใบขับขี่ หรือใบขับขี่หมดอายุ รวมถึงกรณีการนำใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์มาใช้แทนใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุจะไม่สามารถเคลมประกันภัยได้ ดังนั้นควรตรวจสอบใบขับขี่รถยนต์อยู่เสมอว่า หมดอายุหรือไม่ เพื่อจะได้รีบดำเนินการต่ออายุใบขับขี่ให้ทันท่วงที
เมาแล้วขับ
กรณีเมาแล้วขับจนทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวรถยนต์ที่ทำประกันภัย ความเสียหายต่อบุคคลภายนอก หรือตรวจพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ บริษัทประกันภัยจะไม่ชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงไม่รับผิดชอบค่าซ่อมรถยนต์ ค่ารักษาพยาบาล และการประกันตัวผู้ขับขี่
ใช้รถแข่งความเร็ว
บริษัทประกันภัยรถยนต์จะไม่รับเคลม กรณีการใช้รถยนต์ที่ทำประกันภัยเพื่อการแข่งขันความเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันบนถนนสาธารณะ หรือสนามแข่งขันที่ถูกกฎหมาย รวมถึงการดัดแปลงตัวรถ อุปกรณ์เครื่องยนต์เพื่อเสริมสมรรถภาพ โดยไม่ได้มีการแจ้งบริษัทประกันภัยให้รับทราบ เพราะบริษัทประกันภัยจะพิจารณาคุ้มครองเฉพาะชิ้นส่วนมาตรฐานที่ติดตั้งมาจากโรงงานเท่านั้น
การใช้งานผิดกฎหมาย
การนำรถไปใช้งานผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการขนยาเสพติด ขนอาวุธเถื่อน ขนของผิดกฎหมาย หรือนำไปใช้ทำสิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ ประกันภัยรถยนต์จะไม่ให้ความคุ้มครองทุกกรณี
การใช้งานผิดประเภท
การนำรถยนต์ที่ทำประกันภัยไปใช้งานผิดประเภท นอกเหนือจากข้อตกลง หรือตามเงื่อนไขของแผนประกันภัย อย่างการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ทั้งการขนส่งสินค้า การขนส่งวัตถุดิบ รถรับจ้าง หรือรถเช่าให้บริการ จะไม่สามารถเคลมประกันภัยได้ เพราะถือว่าเป็นการละเมิดเงื่อนไขแผนประกันภัย ดังนั้นควรใช้งานรถยนต์เพื่อการขับขี่ส่วนบุคคลเท่านั้น แต่หากต้องนำรถยนต์ไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ควรเปลี่ยนแผนประกันภัยให้เป็นประกันภัยรถยนต์เชิงพาณิชย์โดยเฉพาะ
นำไปลากจูง จนเกิดความเสียหาย
อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องระมัดระวังหากรถยนต์ทำประกันภัยจอดเสียระหว่างทาง จนต้องใช้บริการรถลากจูงไปยังอู่ซ่อมรถหรือศูนย์ซ่อมรถ แต่ถ้าระหว่างการลากจูงรถยนต์เกิดความเสียหาย บริษัทประกันภัยจะไม่รับเคลมประกัน ถึงแม้ว่าเราจะทำประกันภัยชั้น 1 ก็ตาม นอกจากว่าจะมีการซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมที่ครอบคลุมความเสียหายจากกรณีนี้
ความเสียหายนอกอาณาเขต
กรณีนำรถยนต์ไปใช้งานในต่างประเทศแล้วเกิดอุบัติเหตุ จะไม่สามารถเคลมประกันภัยได้ เพราะถือว่าเป็นความเสียหายที่เกิดนอกประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีแผนประกันภัยรถยนต์ส่วนบุคคลที่มอบความคุ้มครองนอกอาณาเขต แต่สำหรับเชิงพาณิชย์เริ่มมีประกันภัยรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองความสูญเสียหรือเสียหาย สำหรับการเดินทางจากประเทศไทยไปยังประเทศใกล้เคียงตามเงื่อนไข แต่ทั้งนี้รถยนต์ที่ทำประกันภัยต้องจดทะเบียน เพื่อดำเนินการทางการค้าเท่านั้น
รถชนรถคนในครอบครัว
หากเกิดเหตุรถชนรถของบุคคลภายในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ลูก สามี หรือภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย จะไม่สามารถยื่นเรื่องเพื่อขอเคลมประกันรถยนต์อีกคันได้ เพราะถือว่าบุคคลในครอบครัวไม่ใช่บุคคลภายนอกตามที่กรมธรรม์ประกันภัยได้ระบุไว้ แต่ถ้าผู้เอาประกันภัยต้องการนำรถยนต์เข้าอู่ซ่อมรถหรือศูนย์ซ่อมรถ อาจจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเพิ่มเติมตามเงื่อนไข เพราะกรณีรถชนรถกับบุคคลในครอบครัว ถือเป็นการชนแบบไม่มีคู่กรณี
ไม่คุ้มครองความเสียหายจากสภาวะสงคราม และวัตถุปรมาณู
แม้ประกันภัยชั้น 1 จะมอบความคุ้มครองกรณีภัยก่อการร้ายในเหตุการณ์ไม่คาดคิด แต่ไม่ได้ให้ความคุ้มครองหากรถได้รับความเสียหายจากสภาวะสงคราม ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น สงครามการเมือง สงครามรุกราน หรือการแข็งข้อของทหาร ที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อรถยนต์ทำประกันภัย
โดยประกันภัยชั้น 1 จะไม่ให้ความคุ้มครองในทุกกรณี ไม่ว่าจะมีรอยกระสุน ถูกระเบิด เนื่องจากอยู่นอกเหนือเงื่อนไขที่จะสามารถขอเคลมประกันได้ เช่นเดียวกับความเสียหายที่เกิดจากวัตถุปรมาณู โรงงานนิวเคลียร์ หรือสารกัมมันตรังสี จนทำให้รถยนต์เสียหาย ก็ไม่สามารถยื่นเคลมประกันได้เช่นกัน

วิธีเคลมประกันรถยนต์ชั้น 1
สำหรับการเคลมประกันรถยนต์ชั้น 1 ทั้งแบบมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี ไม่ควรเคลื่อนย้ายรถยนต์ เว้นแต่จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการให้ หรือในกรณีที่รู้ว่าเราเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิดแน่นอน โดยต้องมีหลักฐานประกอบด้วย ซึ่งหากมีการเคลื่อนย้ายรถยนต์จะต้องแจ้งบริษัทประกันภัยให้ทราบ และที่สำคัญควรรีบดำเนินการเคลมภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อความสะดวกในการเก็บหลักฐานในสถานที่เกิดเหตุ และความง่ายในการแจ้งเคลม
1. รีบติดต่อบริษัทประกันภัย ภายใน 24 ชั่วโมง
2. เก็บข้อมูลของคู่กรณี พยานในที่เกิดเหตุ และความเสียหายของตัวรถยนต์ พร้อมเตรียมเอกสารประกอบการขอเคลม ได้แก่
- บัตรประจำตัวประชาชน
- ใบขับขี่รถยนต์ หรือสำเนาใบขับขี่รถยนต์
- เล่มทะเบียนรถยนต์ หรือสำเนาเล่มทะเบียนรถยนต์
- สำเนากรมธรรม์ประกันภัย
- ใบรับรองความเสียหาย หรือใบเคลมที่ทางบริษัทประกันภัยออกให้
3. จากนั้นบริษัทประกันจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ เพื่อบันทึกความเสียหายที่เกิดขึ้น
4. เลือกอู่ซ่อมรถหรือศูนย์ซ่อมรถ ที่สามารถไปใช้บริการได้ตามเงื่อนไขของแผนประกันภัย เพื่อประเมินราคา
5. รอการติดต่อบริษัทประกันภัยรถยนต์พิจารณา เพื่ออนุมัติการซ่อม
6. รอการติดต่ออู่ซ่อมรถหรือศูนย์ซ่อมรถ เพื่อนัดหมายเข้าซ่อม
ก่อนการทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 กับบริษัทประกันหรือนายหน้าประกันภัย ควรศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขอย่างถี่ถ้วน โดยเฉพาะกรณีที่ไม่ให้ความคุ้มครอง และไม่สามารถเคลมประกันภัยได้ รวมถึงเช็กประกันภัยที่เหมาะสมและคุ้มค่า อย่างประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จากโลตัส ที่มีโปรโมชันประกันภัยรถยนต์ แบ่งจ่ายเงินสด 0% นานสูงสุด 10 เดือน เมื่อซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจที่เคาน์เตอร์โลตัส มันนี่ พลัส โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการโบรกเกอร์ ประกันภัย โทรศัพท์ 02-627-8888 ในวันและเวลาทำการ วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 - 17.30 น.
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด