บัตรเครดิตโลตัส แพลทินัม บียอนด์
ช้อปโลตัส
รับคุ้มคืน
ผ่อนง่าย
สบายๆ
ปั๊มบางจาก
24 ม.ค. 67 - 31 ธ.ค. 67
ทั่วโลก
ช่วยเหลือ
ฉุกเฉิน
จัดการได้ไม่ต้องห่างบัตร
ยื่นบัตรให้ใคร จ่ายและจบในมือคุณ
• บริการชำระคืนโดยหักผ่านบัญชีเงินฝากอัตโนมัติของธนาคารกรุงศรีอยุธยา
• ชำระที่เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทั่วประเทศ
• ชำระที่เครื่องเอทีเอ็ม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทั่วประเทศ
• ชำระผ่าน Krungsri Online
• ชำระผ่าน Krungsri Mobile Application
ขอแนะนำช่องทางชำระเงินให้พร้อมใช้จ่ายทันที (ชำระแล้ววงเงินกลับเข้ามาในบัตรทันที) ดังนี้ต่อไปนี้
• ชำระผ่านแอปพลิเคชัน KMA
• ชำระผ่านช่องทางต่างๆ ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา
หลักเกณฑ์การสมัครบัตร
สำหรับพนักงานบริษัท
สำหรับธุรกิจส่วนตัว
*ไม่รับบัตรเสริมกรณีใช้บัญชีเงินฝากเป็นหลักประกัน
• เฉพาะสมาชิกใหม่ที่สมัครบัตรเครดิตโลตัส ผ่านเว็บไซต์ ในระหว่างวันที่ 1 ธ.ค. 67 – 28 ก.พ. 68 และได้รับอนุมัติภายในวันที่ 15 มี.ค. 68 (ไม่รวมถึงสมาชิกปัจจุบันที่ยกเลิกบัตรภายในระยะเวลา 6 เดือน ณ วันสมัคร)
• รับกระเป๋าเดินทาง CAGGIONI รุ่น Blue Hawaii ขนาด 20 นิ้ว (23.5x38x54 ซม.) มูลค่า 4,450 บาท เมื่อใช้จ่ายสะสม 8,000 บาทขึ้นไป ภายใน 60 วัน นับจากบัตรอนุมัติ พร้อมสมัครรับใบแจ้งยอดบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ อีเมล (E-mail) หรือแอปพลิเคชัน UCHOOSE หรือ เมื่อใช้จ่ายสะสม 10,000 บาทขึ้นไป ภายใน 60 วัน นับจากบัตรอนุมัติ (จำกัดของสมนาคุณ 1 ชิ้น/หมายเลขบัญชีบัตรหลักตลอดรายการ)
• ลูกค้าที่มียอดใช้จ่ายสะสมตลอดรายการสูงสุด (50 ท่านแรก) รับเพิ่ม! กระเป๋า City Backpack ELLE (12x27x40 ซม.) มูลค่า 3,290 บาท และจะได้รับของสมนาคุณภายในวันที่ 31 ก.ค. 68
• คำนวณยอดใช้จ่ายสะสมจากร้านค้าทั่วไป ยกเว้น รายการที่ถูกยกเลิก, การซื้อหน่วยลงทุน, รายการประกันชีวิตควบการลงทุน หรือ แบบประกันยูนิตลิงค์ (UNIT LINK) ทุกที่, หมวดทองคำ จิวเวลรี่ และเครื่องประดับมีมูลค่า, ค่าปรับและค่าธรรมเนียมต่างๆ
• กำหนดการจัดส่งของสมนาคุณสำหรับบัตรที่ได้รับอนุมัติและมียอดใช้จ่ายสะสมครบตามเงื่อนไข ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค. 67 – 31 ธ.ค. 67 สมาชิกบัตรจะได้รับของสมนาคุณภายในวันที่ 31 พ.ค. 68 หรือระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 68 - 31 ม.ค. 68 สมาชิกบัตรจะได้รับของสมนาคุณภายในวันที่ 30 มิ.ย. 68 หรือระหว่างวันที่ 1 ก.พ. 68 – 28 ก.พ. 68 สมาชิกบัตรจะได้รับของสมนาคุณภายในวันที่ 31 ก.ค. 68
• ได้รับยกเว้นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายปี ปีแรก (สำหรับบัตรหลักและบัตรเสริม) เมื่อสมัครบัตรผ่าน Website หรือ UCHOOSE ในระหว่างวันที่ ในระหว่างวันที่ 1 ธ.ค. 67 – 28 ก.พ. 68 และได้รับอนุมัติภายในวันที่ 15 มี.ค. 68
• สำหรับค่าธรรมเนียมรายปีในปีถัดไป มีสิทธิได้รับการยกเว้นการเรียกเก็บโดยอัตโนมัติ เมื่อบัตรแพลทินัม บียอนด์ มียอดใช้จ่ายสะสมของบัตรหลักและบัตรเสริมรวมกันครบ 200,000 บาท/รอบปีก่อนหน้า และเมื่อบัตรแพลทินัม รีวอร์ด มียอดใช้จ่ายสะสมของบัตรหลักและบัตรเสริมรวมกันครบ 100,000 บาท/รอบปีก่อนหน้า
• สมาชิกบัตรควรเก็บหลักฐานและเซลล์สลิปไว้ตรวจสอบกรณีจำเป็น
• ของสมนาคุณ ไม่สามารถโอน/เปลี่ยน/แลก/ทอนเป็นเงินสดได้
• บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการมอบของสมนาคุณแก่สมาชิกที่ยังคงสภาพการเป็นสมาชิก, มีประวัติการชำระดีและรับใบแจ้งยอดบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ อีเมล (E-mail) หรือแอปพลิเคชัน UCHOOSE จนถึงวันที่บริษัทฯ มอบของสมนาคุณให้ท่าน และสงวนสิทธิ์เรียกคืนมูลค่าของกำนัลหากมีการยกเลิกรายการใช้จ่ายในภายหลัง
• บริษัทฯ มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดจำหน่ายสินค้าหากพบว่าของสมนาคุณมีการชำรุดบกพร่องเสียหาย สมาชิกบัตรสามารถติดต่อที่บริษัทตัวแทนจำหน่ายตามที่อยู่ข้างกล่องโดยตรง และสามารถเปลี่ยนของสมนาคุณได้ระยะเวลา 60 วันนับจากได้รับของสมนาคุณ
• ราคาของสมนาคุณกำหนดโดยบริษัทตัวแทนจำหน่ายเป็นการประมาณมูลค่า ณ วันที่ 20 พ.ย. 67
• เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
• ให้บริการสินเชื่อโดยบริษัท โลตัสส์ มันนี่ เซอร์วิสเซส จํากัด
สัญญาการใช้บัตรเครดิตโลตัส
ในสัญญานี้หากไม่กำหนดไว้โดยเฉพาะเป็นอย่างอื่นแล้ว “บริษัท” หมายถึง บริษัท โลตัสส์ มันนี่ เซอร์วิสเซส จำกัด “บัตร” หมายถึง บัตรเครดิตที่บริษัทออกให้แก่ผู้ถือบัตร (บัตรหลัก) และให้แก่บุคคลตามที่ผู้ถือบัตรหลักร้องขอ (บัตรเสริม) “ผู้ถือบัตร” หมายถึง ผู้ที่บริษัทได้อนุมัติให้เป็นสมาชิกของบริษัทเพื่อใช้บริการบัตรเครดิตและส่งมอบบัตรเครดิต ให้ใช้ในฐานะผู้ถือบัตรหลักและ/หรือผู้ถือบัตรเสริมก่อนการเปิดใช้บริการบัตร การลงลายมือชื่อหลังบัตรและ/หรือ การใช้บัตรนี้ผู้ถือบัตรกรุณาอ่านข้อกำหนดและเงื่อนไขต่างๆ ตามสัญญานี้ให้เข้าใจเพราะโดยการลงลายมือชื่อหลังบัตร การเปิดใช้บริการบัตรและ/หรือการใช้บัตรนี้ของผู้ถือบัตรจะถือว่าผู้ถือบัตรตกลงยินยอมผูกพัน และปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดในสัญญานี้ทุกประการ1. สิทธิหน้าที่ของผู้ถือบัตร
1.1 บัตรที่บริษัทออกให้ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทซึ่งมอบให้ผู้ถือบัตรเป็นผู้ใช้เท่านั้นผู้ถือบัตรจะไม่จำหน่าย หรือ โอนสิทธิตามสัญญานี้ให้แก่บุคคลอื่นใดรวมทั้งไม่อนุญาตให้บุคคลอื่นใดใช้บัตรแทนและ/หรือลงลายมือชื่อแทนในทุกกรณี ทั้งนี้ผู้ถือบัตรจะต้องลงลายมือชื่อในช่องที่กำหนดไว้ด้านหลังบัตรทันทีที่ได้รับบัตรโดยการลงลายมือชื่อหลังบัตรและ/หรือ การเปิดใช้บัตรนี้ให้ถือว่าผู้ถือบัตรตกลงยินยอมผูกพันและปฏิบัติตามข้อสัญญาต่างๆ ในสัญญานี้ทุกประการ
1.2 ผู้ถือบัตรสามารถใช้บัตรนี้ในการ
(ก) เบิกถอนเงินสดล่วงหน้า
(ข) ชำระค่าสินค้า ค่าบริการต่างๆ และ/หรือค่าอื่นใดแทนการชำระเงินสดไม่ว่าจะผ่านทางร้านค้าหรือสถานที่ ให้บริการที่มีเครื่องหมายสัญลักษณ์บัตรติดตั้งอยู่ หรือ
(ค) ทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ทางโทรศัพท์ ทางไปรษณีย์ หรือทางเครื่องเบิกถอนเงินสดอัตโนมัติ หรือทางเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น หรือโปรแกรมออนไลน์ที่จัดให้มีโดยบริษัท (“โปรแกรม”) หรือโปรแกรมอื่นใด หรือช่องทางอื่นใดตามที่บริษัทจัดให้มีภายในวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากบริษัท หรือในวงเงินที่ผู้ถือบัตรได้ใช้ไปจริง ทั้งนี้ บริษัทสงวนสิทธิ์ที่จะไม่อนุมัติและ/หรือไม่รับผิดชอบวงเงินจากการใช้บัตร ที่เป็นการฝ่าฝืนวัตถุประสงค์การใช้บัตร หรือเป็นการฝ่าฝืนตาม ข้อ 2.1 โดยการทำธุรกรรมต่างๆ ดังกล่าว (รวมถึงการใช้บริการหักชำระค่าสินค้าและบริการโดยอัตโนมัติผ่านบัญชีบัตรของผู้ถือบัตร เช่น สาธารณูปโภค ค่าเบี้ยประกันภัย ค่าสินค้าและค่าบริการต่างๆ) ผู้ถือบัตรตกลงให้ข้อสัญญาใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมต่างๆ ดังกล่าว (ถ้ามี) ไม่ว่าจะดำเนินการผ่านช่องทางหรือวิธีการใดๆ ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาฉบับนี้ และตกลงยอมรับในข้อกำหนด และเงื่อนไขต่างๆ ที่ระบุในสัญญาดังกล่าวทุกประการ
1.3 ในกรณีที่ผู้ถือบัตรใช้บัตรแทนการชำระเงินเกินกว่าวงเงินถาวรที่บริษัทกำหนด โดยได้รับอนุมัติจากบริษัทเป็นครั้งคราว (วงเงินชั่วคราว) ไม่ถือว่าการอนุมัตินั้นเป็นการเพิ่มวงเงินถาวรให้ผู้ถือบัตร และผู้ถือบัตรต้องชำระส่วนที่เกินวงเงินที่ได้ใช้ไปให้กับบริษัทตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนดทั้งนี้ไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม หากผู้ถือบัตรได้ใช้บัตรเกินไปกว่าวงเงินที่ได้รับอนุมัติ ผู้ถือบัตรยังคงต้องรับผิดชอบเต็มจำนวน
1.4 ในกรณีที่บริษัทอนุมัติออกบัตรเสริมให้แก่ผู้ถือบัตรเสริมตามคำร้องขอของผู้ถือบัตรหลักแล้ว ผู้ถือบัตรหลักตกลงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ดอกเบี้ย เบี้ยปรับ และค่าธรรมเนียมต่างๆ) ที่เกิดขึ้นจากหรือเป็นผลมาจากการที่บริษัทออกบัตรให้แก่ผู้ถือบัตรเสริม และ/หรือการใช้บัตรของผู้ถือบัตรเสริมตามที่ผู้ถือบัตรหลักร้องขอโดยไม่คำนึงถึงข้อจำกัดเรื่องความสามารถทางกฎหมายของผู้ถือบัตรเสริม และจะไม่ยกข้อจำกัดดังกล่าวขึ้นเป็นข้อต่อสู้เพื่อปฏิเสธความรับผิดดังกล่าว หรือเป็นข้อโต้แย้งสิทธิของบริษัทในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเช่นว่านั้นทั้งหมดจากผู้ถือบัตรหลัก และผู้ถือบัตรหลักตกลงว่าการใช้บัตรของผู้ถือ บัตรเสริมเป็นการกระทำภายใต้อำนาจของผู้ถือบัตรหลักทุกประการ โดยผู้ถือบัตรหลักจะไม่ปฏิเสธความรับผิดใดๆ ที่ เกิดจากการใช้บัตรของผู้ถือบัตรเสริมไม่ว่าในกรณีใดๆ ก็ตาม นอกจากนี้ผู้ถือบัตรเสริมตกลงรับผิดร่วมกันกับผู้ถือบัตรหลักในฐานะลูกหนี้ร่วมเพื่อชำระเงินค่าสินค้าและ/หรือบริการอันเกิดจากการใช้บัตรเสริมในส่วนของตน รวมทั้งดอกเบี้ย เบี้ยปรับ และ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ให้แก่บริษัท ทั้งนี้ในกรณีที่บริษัทติดตามหนี้จากผู้ถือบัตรหลัก หรือผู้ถือบัตรเสริมรายใดรายหนึ่ง ไม่ถือเป็นการตัดสิทธิบริษัทในการติดตามหนี้จากผู้ถือบัตรที่เหลือซึ่งยังคงมีภาระหนี้อยู่ จนกว่าบริษัทจะได้รับชำระหนี้ครบถ้วนหมดสิ้นแล้วทั้งจำนวน
1.5 ผู้ถือบัตรสามารถใช้บัตรนี้เบิกถอนเงินสดโดยวิธี (1) ทำธุรกรรมผ่านระบบโทรศัพท์อัตโนมัติหรือเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น หรือโปรแกรมของบริษัท หรือผ่านทางโปรแกรมออนไลน์ที่จัดให้มีโดยบริษัท ตามหลักเกณฑ์ในข้อ 5 และข้อ 7 ของสัญญานี้ (2) ทำธุรกรรมผ่านระบบ/โปรแกรม อื่นใดที่บริษัทจัดให้มีขึ้น (3) เบิกถอนผ่านเครือข่ายของ Mastercard/Visa โดยการเบิกถอนเงินสด ณ เคาน์เตอร์ที่มีเครื่องหมาย Mastercard/Visa และ/หรือ (4) เบิกถอนจากเครื่องฝากถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) หรือ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ของสถาบันการเงินที่มีเครื่องหมาย Mastercard/Visa/Maestro/Cirrus/ATM POOL หรือจากเครื่องฝากถอนอัตโนมัติที่บริษัทจัดเตรียมไว้ ตามหลักเกณฑ์ในข้อ 6 ของสัญญานี้โดย
(ก) ผู้ถือบัตรตกลงปฏิบัติตามสัญญาฉบับนี้ และยอมรับการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดใดๆ ที่อาจมีขึ้นเป็นครั้งคราว
(ข) สำหรับกรณีการทำธุรกรรมผ่านระบบโทรศัพท์หรือทางเครื่องฝากถอนอัตโนมัติ หรือช่องทางอื่นใด ผู้ถือบัตรสามารถดำเนินการตั้งรหัสประจำตัว (Personal Identification Number หรือ PIN) ด้วยตนเองตามขั้นตอนที่บริษัทกำหนด เพื่อใช้ยืนยันตัวตนในการเบิกถอนเงินสดล่วงหน้า โดยอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของจำนวนเงินและจำนวนครั้งที่เบิกถอน โดยผู้ถือบัตรสามารถเปลี่ยนแปลงรหัสดังกล่าวในภายหลังได้ ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรต้องระมัดระวังป้องกันมิให้ผู้อื่นทราบหรือล่วงรู้เลขรหัสประจำตัวได้
(ค) ในการเบิกถอนเงินสดผ่านบัตรไม่ว่าโดยวิธีหนึ่งวิธีใดตามที่ระบุข้างต้น ผู้ถือบัตรตกลงให้ถือว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำของผู้ถือบัตร
(ง) ผู้ถือบัตรตกลงให้บริษัทคิดค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดในอัตราที่บริษัทกำหนด แต่ไม่เกินอัตราสูงสุดที่บริษัทจะเรียกเก็บได้ตามกฎหมายที่มีผลใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น โดยผู้ถือบัตรสามารถเบิกถอนเงินสดได้เป็นจำนวนไม่เกินวงเงินเบิกถอนเงินสดที่บริษัทกำหนด ซึ่งบริษัทจะประกาศให้ทราบเป็นคราวๆ ไป ทั้งนี้สำหรับการเบิกถอนเงินสด ณ เคาน์เตอร์ ที่มีเครื่องหมาย Mastercard/VISA จำนวนเงินที่จะเบิกได้จะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ผู้ให้บริการนั้นๆ เป็นผู้กำหนด
1.6 นอกเหนือจากหลักเกณฑ์ตามข้อ 2.2 ผู้ถือบัตรตกลงว่าวงเงินของบัตรเครดิต รวมถึงวงเงินเบิกถอนเงินสดที่บริษัทอนุมัติให้ผู้ถือบัตรนั้นเป็นวงเงินที่บริษัทสามารถทำการพิจารณาเปลี่ยนแปลง (ไม่ว่าปรับเพิ่มหรือลด) ในภายหลังได้ตามหลักเกณฑ์ของบริษัท และเพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยบริษัทจะดำเนินการทบทวนวงเงินของผู้ถือบัตร และสงวนสิทธิที่จะปรับเพิ่มหรือลดวงเงินบัตรเครดิตและ/หรือวงเงินเบิกถอนเงินสดของผู้ถือบัตร (รวมถึงการยกเลิกวงเงินเบิกเงินสด) ภายใต้หลักเกณฑ์และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของผู้ถือบัตรลักษณะการใช้บัตรประวัติ การชำระเงินและ/หรืออายุการเป็นสมาชิกบัตรของผู้ถือบัตร โดยผู้ถือบัตรสามารถทำการตรวจสอบวงเงินเบิกเงินสดของ ผู้ถือบัตรได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าของบริษัท หรือที่ช่องทางการให้บริการที่บริษัทกำหนด
1.7 ในการใช้บัตรแทนการชำระเงินสดนั้น ผู้ถือบัตรต้องตรวจสอบสินค้า/บริการ และยอดที่ต้องชำระว่าถูกต้อง จึงดำเนินการตามขั้นตอนการใช้บัตรชำระแทนเงินสดตามที่บริษัทและ/หรือร้านค้า หรือสถานประกอบการกำหนด โดยผู้ถือบัตรจะต้องลงลายมือชื่อในเอกสารการขายหรือการให้บริการ (Sales Slip) หรืออุปกรณ์อื่นใดตามแบบที่บริษัทกำหนด เพื่อเป็นหลักฐานในการใช้บัตรแทนการชำระเงินทุกครั้ง เว้นแต่กรณีที่บริษัทหรือร้านค้าหรือสถานประกอบการกำหนดไว้เป็นการเฉพาะว่าไม่ต้องลงลายมือชื่อในเอกสารการขายหรือการให้บริการ (Sales slip) หรืออุปกรณ์อื่นใด (แล้วแต่กรณี) ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตาม ผู้ถือบัตรยอมรับว่าเป็นการใช้บัตรชำระแทนเงินสดโดยสมบูรณ์แล้ว
ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรอาจขอรับใบเสร็จรับเงินจากสถานประกอบการเพื่อเป็นหลักฐานการซื้อสินค้าหรือบริการได้ แต่ใบเสร็จรับเงินดังกล่าวไม่ถือเป็นหลักฐานการชำระเงินของผู้ถือบัตรต่อบริษัทและไม่เป็นการปลดเปลื้องภาระรับผิดชอบของผู้ถือบัตรที่จะต้องชำระค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้แก่บริษัทจนครบถ้วน
1.8 ในกรณีที่ผู้ถือบัตรสั่งซื้อสินค้าโดยใช้บัตรชำระค่าสินค้าหรือค่าใช้บริการโดยการแจ้งหมายเลขบัตรด้วยวาจาหรือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรแก่ผู้ขายสินค้าหรือแก่ผู้ให้บริการเพื่อทำการเรียกเก็บเงินจากบริษัท ผู้ถือบัตรตกลงดังนี้
(ก) หากเป็นการซื้อสินค้าหรือบริการผ่านเว็บไซต์หรือระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ผู้ถือบัตรตกลงยอมรับรายการที่เกิดขึ้น หากได้มีการกรอกข้อมูลและปฏิบัติตามวิธีการซื้อขายที่ถูกต้องดังที่ระบุในเว็บไซต์นั้นๆ เว้นแต่ผู้ถือบัตรสามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้เป็นผู้ทำการซื้อสินค้าหรือบริการดังกล่าว และมีเหตุอันควรเชื่อพร้อมด้วยพยานหลักฐานสนับสนุนได้ว่ารายการที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากความผิดหรือประมาทเลินเล่อของผู้ถือบัตร หรือผู้ถือบัตรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการดังกล่าว หากได้ถูกเรียกเก็บเงินและผู้ถือบัตรได้ชำระเงินแล้ว บริษัทจะคืนเงินให้ผู้ถือบัตรตามวิธีการที่บริษัทกำหนด
(ข) หากเป็นการทำรายการผ่านช่องทางอื่นนอกจากข้อ 1.8 (ก)
ผู้ถือบัตรมีสิทธิขอยกเลิกการซื้อสินค้าหรือใช้บริการภายในระยะเวลา 45 วันนับแต่วันที่สั่งซื้อหรือขอใช้บริการหรือภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ครบกำหนดการส่งมอบสินค้าหรือให้บริการ กรณีที่มีการกำหนดระยะเวลาส่งมอบสินค้าหรือบริการเป็นลายลักษณ์อักษร หากผู้ถือบัตรพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้เป็นผู้สั่งซื้อสินค้าหรือไม่ได้ขอใช้บริการและมีเหตุอันเชื่อพร้อมด้วยพยานหลักฐานสนับสนุนได้ว่ารายการที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการกระทำของผู้ถือบัตรหรือผู้ถือบัตรไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเป็นผู้สั่งซื้อสินค้าแต่ได้รับไม่ตรงตามกำหนดเวลา หรือได้รับแล้วแต่ไม่ครบถ้วนหรือชำรุดบกพร่องหรือไม่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ บริษัทจะระงับการเรียกเก็บเงินจากผู้ถือบัตรหรือกรณีเรียกเก็บเงินและผู้ถือบัตรได้ชำระเงินแล้ว ถ้าเป็นการสั่งซื้อสินค้าภายในประเทศ บริษัทจะคืนเงินให้ผู้ถือบัตรภายในระยะเวลา 30 วันนับแต่วันที่ผู้ถือบัตรแจ้ง ถ้าเป็นการซื้อสินค้าหรือบริการจากต่างประเทศ บริษัทจะคืนเงินให้ภายในระยะเวลา 60 วันนับจากวันที่ได้รับแจ้งจากผู้ถือบัตร เว้นแต่บริษัทพิสูจน์ได้ว่าภาระหนี้ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของผู้ถือบัตรเอง หรือมีเหตุอันเชื่อได้ว่ารายการที่เกิดขึ้นผู้ถือบัตรมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยบริษัทจะใช้สิทธิเรียกเก็บเงินคืนจากผู้ถือบัตรในภายหลังโดยผู้ถือบัตรตกลงที่จะรับผิดในดอกเบี้ยและ/หรือ ค่าธรรมเนียมใดๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาดังกล่าวด้วย
(ค) ในกรณีที่บริษัทมีข้อตกลงเป็นการเฉพาะกับผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการที่ให้ผู้ถือบัตรสั่งซื้อสินค้าหรือใช้บริการที่ผู้ถือบัตรเพียงแจ้งความประสงค์ขอชำระค่าสินค้าหรือค่าบริการโดยการแจ้งหมายเลขบัตรด้วยวาจาหรือลายลักษณ์อักษร ให้ผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการทำการเรียกเก็บเงินจากบริษัท บริษัทและผู้ถือบัตรตกลงดังนี้
(1) ถ้าผู้ถือบัตรทักท้วงว่าไม่ได้เป็นผู้ทำการซื้อสินค้าหรือบริการดังกล่าว บริษัทจะระงับการเรียกเก็บเงินจากผู้ถือบัตรทันที หรือในกรณีที่เรียกเก็บเงินไปแล้ว บริษัทจะคืนเงินให้กับผู้ถือบัตรทันที เว้นแต่บริษัทจะพิสูจน์ได้ว่าภาระหนี้ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของผู้ถือบัตรเองหรือมีเหตุอันเชื่อได้ว่ารายการที่เกิดขึ้นผู้ถือบัตรมีส่วนเกี่ยวข้องและมีสิทธิเรียกคืนจากผู้ถือบัตรในภายหลัง
(2) ผู้ถือบัตรมีสิทธิขอยกเลิกการซื้อสินค้าหรือใช้บริการภายในระยะเวลา 45 วัน นับแต่วันที่สั่งซื้อหรือขอใช้บริการ หรือภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ครบกำหนดการส่งมอบสินค้าหรือให้บริการกรณีที่มีการกำหนดระยะเวลาส่งมอบสินค้าหรือบริการเป็นลายลักษณ์อักษร หากผู้ถือบัตรพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้รับสินค้าหรือไม่ได้รับบริการและมีเหตุอันเชื่อพร้อมด้วยพยานหลักฐานสนับสนุนได้ว่ารายการที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการกระทำของผู้ถือบัตรหรือผู้ถือบัตรไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือได้รับแต่ไม่ตรงตามกำหนดเวลา หรือได้รับแล้วแต่ไม่ครบถ้วนหรือชำรุดบกพร่องหรือไม่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ บริษัทจะระงับการเรียกเก็บเงินจากผู้ถือบัตร หรือกรณีเรียกเก็บเงินไปแล้วถ้าเป็นการสั่งซื้อสินค้าภายในประเทศ บริษัทจะคืนเงินให้ผู้ถือบัตรภายในระยะเวลา 30 วันนับแต่วันที่ผู้ถือบัตรแจ้ง ถ้าเป็นการซื้อสินค้าหรือบริการจากต่างประเทศ บริษัทจะคืนเงินให้ภายในระยะเวลา 60 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากผู้ถือบัตร เว้นแต่บริษัทพิสูจน์ได้ว่าภาระหนี้ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของผู้ถือบัตรเองหรือมีเหตุอันเชื่อได้ว่ารายการที่เกิดขึ้นผู้ถือบัตรมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยบริษัทจะใช้สิทธิเรียกเก็บเงินคืนจากผู้ถือบัตรในภายหลังโดยผู้ถือบัตรตกลงที่จะรับผิดในดอกเบี้ยและ/หรือ ค่าธรรมเนียมใดๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาดังกล่าวด้วย
1.9 ผู้ถือบัตรตกลงชำระหนี้อันเกิดจากการใช้บัตรตามอัตราและวิธีการที่ได้ตกลงไว้กับบริษัท โดยบริษัทจะส่งใบแจ้งยอดบัญชี และ/หรือ ใบกำกับภาษี และ/หรือ ใบรับ (ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปแบบกระดาษหรือในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์) ทางไปรษณีย์หรือทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือทางแอปพลิเคชั่นที่ติดตั้งบนโทรศัพท์เคลื่อนที่หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นใดของผู้ถือบัตร หรือให้ผู้ถือบัตรตรวจสอบจากเว็บไซต์ของบริษัท หรือโปรแกรมของบริษัท และ/หรือ ช่องทางอื่นใดที่บริษัทจัดทำขึ้น เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 10 วันล่วงหน้าก่อนวันถึงกำหนดชำระ และผู้ถือบัตรตกลงชำระเงินค่าสินค้า ค่าบริการ หนี้อื่นใดอันเกิดจากการใช้บัตรโดยผู้ถือบัตรหลักและ/หรือผู้ถือบัตรเสริมรวมทั้งค่าธรรมเนียมอื่นๆ ให้บริษัทภายในวันที่กำหนดในใบแจ้งยอดบัญชีบัตรเครดิต ยอดเงินขั้นต่ำที่แสดงไว้ในใบแจ้งยอดบัญชีบัตรเครดิตจะเป็นยอดเงินขั้นต่ำที่ผู้ถือบัตรต้องชำระในแต่ละเดือน ในกรณีที่ผู้ถือบัตรเห็นว่าใบแจ้งยอดบัญชีบัตรเครดิตที่ได้รับไม่ถูกต้องทั้งหมดหรือบางส่วนไม่ว่าด้วยประการใด ผู้ถือบัตรจะต้องปฏิบัติดังนี้
(ก) ทักท้วงภายใน 10 วันทำการนับตั้งแต่วันที่ผู้ถือบัตรได้รับใบแจ้งยอดบัญชีจากบริษัทและ/หรือวันที่บริษัททำการแจ้งให้ท่านตรวจสอบข้อมูลใบแจ้งยอดบัญชีจากเว็บไซต์ของบริษัท ในการพิจารณาวันครบกำหนดดังกล่าวบริษัท จะนำสืบวัน เวลาที่นำส่งใบแจ้งยอดบัญชีให้แก่ผู้ขนส่ง หรือหากเป็นการจัดส่งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) บริษัทจะนำสืบวัน เวลาที่ส่งใบแจ้งยอดบัญชี
(ข) ในกรณีที่บริษัทตรวจสอบแล้วเห็นว่ารายการในใบแจ้งยอดบัญชีนั้นถูกต้องแล้ว ผู้ถือบัตรจะต้องพิสูจน์ว่ารายการ และยอดค่าใช้จ่ายตามที่ปรากฏในใบแจ้งยอดบัญชีไม่ถูกต้อง และความไม่ถูกต้องนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากความผิด หรือความบกพร่องของผู้ถือบัตรเอง ทั้งนี้ผู้ถือบัตรจะต้องทักท้วงภายในระยะเวลาไม่เกิน 60 วัน นับแต่วันที่ผู้ถือบัตรได้รับในใบแจ้งยอดบัญชีจากบริษัท ทั้งนี้ ในกรณีผู้ถือบัตรต้องการสำเนาใบแจ้งยอดบัญชี เพื่อตรวจสอบรายการที่เกิดจากการใช้บัตร ผู้ถือบัตรตกลงจ่ายค่าธรรมเนียมการออกสำเนาใบแจ้งยอดบัญชีในอัตราที่บริษัทกำหนดให้แก่บริษัท
เมื่อบริษัทได้จัดส่งใบแจ้งยอดบัญชี และ/หรือ ใบกำกับภาษี และ/หรือ ใบรับ ด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งดังที่ระบุในข้อนี้ตามที่ผู้ถือบัตรได้แจ้งความประสงค์ต่อบริษัทแล้ว ให้ถือว่าบริษัทได้จัดส่งใบแจ้งยอดบัญชี และ/หรือ ใบกำกับภาษี และ/หรือ ใบรับอย่างสมบูรณ์และถูกต้องตามกฎหมายแล้วในกรณีที่ผู้ถือบัตรมีความประสงค์ที่จะเปลี่ยนรูปแบบใบแจ้งยอดบัญชี และ/หรือ ใบกำกับภาษี และ/หรือ ใบรับ ผู้ถือบัตรจะต้องแจ้งให้บริษัททราบเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 30 วัน
1.10 ผู้ถือบัตรรับทราบและตกลงว่าค่าใช้จ่ายใดๆ ที่เกิดจากการใช้จ่ายผ่านบัตร (รวมถึงการเบิกเงินสด) เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศจะถูกเรียกเก็บเป็นเงินบาทไทยตามอัตราแลกเปลี่ยนที่บริษัทถูกเรียกเก็บจากบริษัทบัตรเครดิตที่บริษัทเป็นสมาชิกอยู่ ณ วันที่มีการเรียกเก็บยอดค่าใช้จ่ายดังกล่าวกับบริษัท ทั้งนี้ หากสกุลเงินต่างประเทศดังกล่าวไม่ใช่สกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐ ยอดค่าใช้จ่ายดังกล่าวอาจจะถูกแปลงเป็นสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐก่อนที่จะทำการแปลงเป็นสกุลเงินบาทเพื่อเรียกเก็บกับบริษัท ทั้งนี้ผู้ถือบัตรสามารถตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อใช้ในการอ้างอิงเบื้องต้นได้จาก
สำหรับบัตร MasterCard : https://www.mastercard.us/en-us/personal/get-support/convert-currency.html
สำหรับบัตร VISA: https://usa.visa.com/support/consumer/travel-support/exchange-rate-calculator.html
นอกจากนี้ ผู้ถือบัตรรับทราบและตกลงให้บริษัทคิดค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินดังกล่าวในอัตราที่บริษัทกำหนดและแจ้งให้ทราบในตารางค่าธรรมเนียม เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากการแปลงสกุลเงินดังกล่าวข้างต้น รวมทั้งค่าธรรมเนียมการใช้บัตรฯ เป็นสกุลเงินบาท ณ ร้านค้าที่จดทะเบียนในต่างประเทศ ในอัตราที่บริษัทกำหนดและแจ้งให้ทราบในตารางค่าธรรมเนียม
1.11 กรณีที่บัตรสูญหาย หรือถูกโจรกรรม หรือไม่ว่าด้วยสาเหตุใดๆ ผู้ถือบัตรมีสิทธิยกเลิกหรือระงับการใช้บริการบัตรชั่วคราว โดยแจ้งให้บริษัททราบทันทีตามวิธีการที่บริษัทกำหนดหลังจากบริษัทได้รับแจ้งแล้วบริษัทจะระงับการให้บริการบัตรดังกล่าวภายใน 5 นาที นับแต่เวลาที่ได้รับแจ้ง ทั้งนี้ หากบริษัทไม่ได้รับแจ้งดังกล่าวข้างต้น ผู้ถือบัตรต้องรับผิดชอบในภาระหนี้ที่เกิดขึ้นทั้งหมด อนึ่ง ผู้ถือบัตรไม่ต้องรับผิดชอบในภาระหนี้ที่เกิดขึ้นภายหลังจากครบกำหนดระยะเวลา 5 นาทีดังกล่าว (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงค่าธรรมเนียมต่างๆ (ถ้ามี)) เว้นแต่บริษัทจะตรวจสอบและพิสูจน์ได้ว่าภาระหนี้ที่เกิดขึ้น (ไม่ว่าก่อนหรือหลังการแจ้ง) เกิดจากการกระทำของผู้ถือบัตร หรือมีเหตุอันเชื่อได้ว่าผู้ถือบัตรมีส่วนรู้เห็นหรือมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือประมาทเลินเล่อ ผู้ถือบัตรตกลงรับผิดชอบในภาระหนี้ดังกล่าวเต็มจำนวน
ในกรณีที่ผู้ถือบัตรมีสิทธิได้รับความคุ้มครองพิเศษเพิ่มเติมจากการเป็นสมาชิกบัตรบางประเภทเกี่ยวกับการชดเชยกรณีบัตรสูญหายหรือถูกโจรกรรม ผู้ถือบัตรจะได้รับสิทธิตามเงื่อนไขความคุ้มครองตามที่บริษัทกำหนดและแจ้งให้ทราบผ่านช่องทางต่างๆ เช่น คู่มือสิทธิประโยชน์ หรือเว็บไซต์ หรือช่องทางอื่นใดที่บริษัทกำหนด
1.12 ในกรณีที่มีการทำธุรกรรมผ่านบัญชีบัตรโดยบุคคลอื่น (ไม่ว่าโดยการใช้บัตรหรือไม่ก็ตาม) ผู้ถือบัตรจะต้องแจ้งให้บริษัททราบถึงเหตุการณ์ดังกล่าวทันทีเพื่อทำการระงับการใช้บัตรและยกเลิกรหัสประจำตัว โดยหลังจากบริษัทได้รับแจ้งแล้วบริษัทจะระงับการให้บริการบัตรดังกล่าวภายใน 5 นาที นับแต่เวลาที่ได้รับแจ้ง ทั้งนี้ หากบริษัทไม่ได้รับแจ้งดังกล่าวข้างต้น ผู้ถือบัตรต้องรับผิดชอบในภาระหนี้ที่เกิดขึ้นทั้งหมด อนึ่ง ผู้ถือบัตรไม่จำต้องรับผิดในภาระหนี้ที่เกิดขึ้นหลังจากครบระยะเวลา 5 นาทีนับแต่เวลาได้แจ้งเหตุให้บริษัททราบ (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงค่าธรรมเนียมต่างๆ (ถ้ามี)) เว้นแต่ในกรณีที่บริษัทตรวจสอบและพิสูจน์ได้ว่าภาระหนี้ที่เกิดขึ้นดังกล่าว (ไม่ว่าก่อนหรือหลังการแจ้ง) เกิดขึ้นจากการกระทำของผู้ถือบัตร หรือมีเหตุอันเชื่อได้ว่าผู้ถือบัตรมีส่วนรู้เห็นหรือมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือประมาทเลินเล่อ ผู้ถือบัตรตกลงรับผิดชอบในภาระหนี้ดังกล่าวเต็มจำนวน
ในกรณีที่ผู้ถือบัตรมีสิทธิได้รับความคุ้มครองพิเศษเพิ่มเติมจากการเป็นสมาชิกบัตรบางประเภทเกี่ยวกับการชดเชยกรณีการทำธุรกรรมผ่านบัญชีบัตรโดยบุคคลอื่น ผู้ถือบัตรจะได้รับสิทธิตามเงื่อนไขความคุ้มครองตามที่บริษัทกำหนดและแจ้งให้ทราบผ่านช่องทางต่างๆ เช่น คู่มือสิทธิประโยชน์ หรือเว็บไซต์ หรือช่องทางอื่นใดที่บริษัทกำหนด
1.13 ในกรณีตามข้อ 1.11 และ 1.12 หากผู้ถือบัตรต้องการให้บริษัทออกบัตรให้ใหม่ ผู้ถือบัตรจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายและหนี้ที่เกิดขึ้นจากบัตรใบเดิม (ในส่วนที่ผู้ถือบัตรต้องรับผิดชอบ) และผู้ถือบัตรจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการออกบัตรใหม่ในอัตราที่บริษัทได้แจ้งให้ผู้ถือบัตรทราบ และหากผู้ถือบัตรพบหรือได้รับบัตรที่สูญหาย หรือบัตรที่มีการทำธุรกรรมโดยบุคคลอื่นคืน (แล้วแต่กรณี) ผู้ถือบัตรต้องทำลายบัตรเดิม เพื่อป้องกันมิให้มีการนำบัตรไปใช้ได้อีก
1.14 ผู้ถือบัตรสามารถแจ้งบริษัทเพื่อยกเลิกการใช้บัตรเป็นการถาวรเมื่อใดก็ได้โดยแจ้งไปยังบริษัทและ/หรือ โดยการตัดบัตรออกเป็น 2 ส่วนและส่งคืนไปยังบริษัท ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรสามารถร้องขอค่าธรรมเนียมรายปีตามส่วนของระยะเวลาที่ยังมิได้ใช้บริการจากบริษัท ทั้งนี้ บริษัทสามารถพิจารณานำต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงมาหักออกจากค่าบริการดังกล่าวก่อนคืนได้ โดยผู้ถือบัตรจะต้องทำเรื่องขอคืนค่าธรรมเนียมภายใน 1 ปีนับจากวันที่แจ้งยกเลิก และบริษัทจะคืนค่าธรรมเนียมรายปีเข้ายังบัญชีบัตรเครดิตของผู้ถือบัตร และการคืนค่าธรรมเนียมรายปีของบัตรเสริมจะคืนเข้ายังบัญชีของบัตรหลัก
1.15 กรณีการใช้ข้อมูลบัตรในการทำธุรกรรมออนไลน์ และต้องมีการยืนยันการทำธุรกรรมด้วยรหัสผ่านครั้งเดียว (One-Time Password – OTP) ซึ่งบริษัทจะนำส่งรหัสผ่านให้ผู้ถือบัตรไปยังหมายเลขโทรศัพท์มือถือของผู้ถือบัตรที่ได้ลงทะเบียนไว้กับบริษัท หรือผ่านแอปพลิเคชัน หรือโปรแกรมของบริษัท ที่ผู้ถือบัตรได้ลงทะเบียนไว้กับบริษัท และ/หรือ ช่องทางอื่นใดที่บริษัทจัดทำขึ้น ผู้ถือบัตรตกลงว่าการยืนยันการทำธุรกรรมโดยวิธีดังกล่าวถือเป็นการลงลายมือชื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ถือบัตรและผู้ถือบัตรตกลงรับผิดชอบในรายการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทุกประการ
1.16 ผู้ถือบัตรตกลงว่าบริษัทและบริษัทข้อมูลเครดิต บริษัทประมวลผลข้อมูลเครดิตอื่นๆ ที่บริษัทเป็นสมาชิกอยู่จะเปิดเผย แลกเปลี่ยน โอน และ/หรือ ส่ง หรือส่งไปยังต่างประเทศ ซึ่งข้อมูลส่วนตัว และ/หรือข้อมูลเครดิต และ/หรือข้อมูลอื่นใดที่มีอยู่ในใบสมัคร หรือการสื่อสารใดๆ ที่มีอยู่กับบริษัท บริษัทข้อมูลเครดิต บริษัทประมวลผลข้อมูลเครดิตอื่นๆ ธนาคาร สถาบันการเงิน และนิติบุคคลอื่นๆ ที่เป็นสมาชิกบริษัทข้อมูลเครดิต บริษัทประมวลผลข้อมูลอื่นๆ บริษัทแม่ และบริษัทในเครือของบริษัท เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทและผู้ถือบัตร เพื่อสนับสนุนการให้บริการของบริษัท และเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการติดตามทวงถามหนี้ ซึ่งหากผู้ถือบัตรไม่ยินยอมดังกล่าว อาจกระทบต่อการดำเนินการของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ และ/หรือจะทำให้ไม่สามารถให้บริการได้อย่างเป็นธรรมและต่อเนื่อง เช่น การเปิดเผยข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของลูกค้าทางดิจิทัล การพิจารณาสินเชื่อ การทบทวนสินเชื่อ หรือ การประเมินเครดิตของผู้ถือบัตร หรือการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิต การเปิดเผยข้อมูลแก่ผู้ให้บริการภายนอก หรือตัวแทนของบริษัท หรือตัวแทนของผู้ให้บริการ หรือผู้ให้บริการสนับสนุนการประกอบธุรกิจ หรือผู้รับจ้างช่วงงานต่อ เพื่อให้บุคคลดังกล่าวดำเนินงานตามที่ได้รับมอบหมายจากบริษัทได้ บริษัทพันธมิตรอื่นๆ ร้านค้า และพันธมิตรทางธุรกิจที่ออกผลิตภัณฑ์ร่วมกันในลักษณะ co-brand หน่วยงานราชการตามกฎหมาย ในกรณีที่ผู้ถือบัตรได้ปิดบัญชีหรือยกเลิกการใช้บริการของบริษัทไปแล้ว ให้บริษัทสามารถจัดเก็บหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลเครดิต และ/หรือข้อมูลอื่นใดที่อยู่ในใบสมัครและฐานข้อมูลของบริษัท เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและผู้ถือบัตรตกลงให้บริษัทสามารถนำผลการตรวจสอบดังกล่าวมาใช้ในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ถือบัตรว่ามีลักษณะเข้าข่ายกรณีต่างๆ ตามข้อ 2.2 หรือไม่
1.17 ผู้ถือบัตรตกลงว่าบริษัทจะเปิดเผยแลกเปลี่ยน ส่ง และ/หรือ โอนข้อมูลของผู้ถือบัตรที่ให้ไว้กับบริษัท ทั้งในใบสมัคร หรือ ทางการสื่อสาร ตลอดจนข้อมูลใดๆ เช่น หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ที่อยู่ และ/หรือที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-mail address) และ/หรือช่องทางอื่นใดของผู้ถือบัตร ข้อมูลเกี่ยวกับหนี้สินของผู้ถือบัตรแก่บริษัทในเครือ ผู้ให้บริการภายนอก หรือตัวแทนของบริษัท หรือตัวแทนของผู้ให้บริการ หรือผู้ให้บริการสนับสนุนการประกอบธุรกิจ หรือผู้รับจ้างช่วงงานต่อ เพื่อให้บุคคลดังกล่าวดำเนินงานตามที่ได้รับมอบหมายจากบริษัทได้ บริษัทพันธมิตรอื่นๆ ร้านค้า และพันธมิตรทางธุรกิจที่ออกผลิตภัณฑ์ร่วมกันในลักษณะ co-brand หน่วยงานราชการตามกฎหมาย รวมทั้งการใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการติดต่อสื่อสารกับผู้ถือบัตร หรือการส่งใบแจ้งยอดบัญชี และ/หรือส่งข้อมูลหรือเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลเครดิตแก่ผู้ถือบัตรผ่านทางระบบสื่อสารทางอินเตอร์เน็ต หรือคอมพิวเตอร์ หรือเพื่อพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ หรือการประเมินเครดิตของผู้ถือบัตร หรือการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิต ทบทวนวงเงินสินเชื่อ รวมทั้งการติดตามทวงถามหนี้ค้างชำระ (หากมี) โดยระบุจำนวนค้างชำระได้ และผู้ถือบัตรจะแจ้งให้บริษัท ทราบทันทีหากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งนี้ สำหรับการติดตามทวงถามหนี้ค้างชำระ (ถ้ามี) นั้น ผู้ถือบัตรรับทราบ และตกลงว่าบริษัทจะทำการมอบหมายให้กับบุคคลอื่นเพื่อดำเนินการแทนบริษัทหรือบริษัทอาจจะดำเนินการด้วยตนเองก็ได้ รวมถึงตกลงให้บริษัทสามารถรับชำระหนี้ใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้บัตรของผู้ถือบัตรจากบุคคลอื่นได้ตามที่เห็นสมควรเพื่อประโยชน์ในการติดตามทวงถามหนี้ค้างชำระของผู้ถือบัตร ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการตามหลักเกณฑ์ของบริษัทซึ่งอยู่ภายใต้ระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
1.18 ผู้ถือบัตรจะต้องแจ้งให้บริษัททราบทันทีในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลง ชื่อ นามสกุล อาชีพ สถานที่ทำงาน สถานที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ และรายละเอียดอื่นๆ ทั้งนี้บรรดาข้อมูล/เอกสาร หรือหนังสือใดๆ ที่บริษัทส่งไปยังผู้ถือบัตร หากส่งไปยังที่อยู่ และ/หรือที่ทำงาน และ/หรือที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือผ่านช่องทางตามที่ผู้ถือบัตรได้แจ้งไว้ให้ถือว่าส่งให้ผู้ถือบัตรแล้วโดยชอบ
1.19 หากบริษัทมิได้แจ้งยกเลิก เรียกคืน หรือ ระงับการใช้บัตรตามข้อ 2.2 ผู้ถือบัตรสามารถนำบัตรนี้ไปใช้ได้ จนถึงวันที่บัตรหมดอายุซึ่งได้กำหนดไว้บนบัตร ทั้งนี้ การพิจารณาอนุมัติบัตรใหม่ให้กับผู้ถือบัตรนั้นจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์และดุลพินิจของบริษัท อย่างไรก็ดี หากบริษัทพิจารณาอนุมัติบัตรใหม่ให้ ผู้ถือบัตรตกลงยอมรับบัตรใหม่ดังกล่าวและเปิดใช้บัตรตามวิธีที่บริษัทกำหนด หรือในกรณีที่บริษัทไม่อนุมัติบัตรใหม่ให้ถือว่าสิทธิของผู้ถือบัตรตามสัญญานี้สิ้นสุดลงโดยผู้ถือบัตรมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ใดๆ ที่คงค้างตามสัญญานี้ต่อไปจนกว่าจะชำระครบถ้วนหมดสิ้นทั้งจำนวน
1.20 ผู้ถือบัตรตกลงและยินยอมให้บริษัทนำเงินที่ได้รับชำระจากผู้ถือบัตรไปหักจากยอดเงินที่บริษัทเรียกเก็บโดยมีเงื่อนไขการชำระเงินและลำดับการหักยอดเงินตามที่ระบุไว้ในใบแจ้งยอดบัญชีบัตรที่บริษัทจัดส่งให้กับผู้ถือบัตร
2. สิทธิหน้าที่ของบริษัท
2.1 บริษัทเป็นเพียงผู้ให้บริการบัตรเครดิตซึ่งเป็นตัวกลางการชำระเงินค่าสินค้าและ/หรือบริการ จึงไม่มีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบในกรณีที่ธนาคาร ร้านค้า หรือผู้ประกอบการไม่รับบัตรหรือปฏิเสธการรับบัตรของผู้ถือบัตรในการทำธุรกรรมต่างๆ และบริษัทไม่จำต้องรับผิดชอบในข้อตกลงหรือเงื่อนไขใดๆ ที่เกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าหรือบริการ ซึ่งผู้ถือบัตรได้ทำไว้กับร้านค้า ผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการ หรือสถานที่เหล่านั้น กรณีที่มีข้อพิพาทอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของร้านค้าหรือผู้ประกอบการ ผู้ถือบัตรตกลงที่จะเรียกร้องหรือดำเนินคดีกับร้านค้าหรือผู้ประกอบการโดยตรง และจะไม่เรียกร้องให้บริษัทยกเลิกรายการทำธุรกรรมดังกล่าว รวมถึงจะไม่เรียกร้องให้บริษัทร่วมรับผิดด้วย เว้นแต่กฎหมายจะกำหนดความรับผิดของบริษัทไว้เป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรตกลงว่าบริษัทมีสิทธิระงับหรือไม่อนุมัติการทำธุรกรรมที่มีวัตถุประสงค์ เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งตามกฎหมาย เป็นการพ้นวิสัยหรือ เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน รวมถึงการใช้บัตรใดๆ ที่เป็นไปในลักษณะผิดวัตถุประสงค์ปกติของการใช้บัตร หรือการใช้บัตรในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในการประกอบธุรกิจของผู้ถือบัตร/บุคคลอื่น หรือมีลักษณะการใช้บัตรในทางการค้าหรือหากำไร หรือแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบให้กับตนเองหรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสมส่อไปในทางทุจริต
2.2 บริษัทสงวนสิทธิ์ในการลดวงเงิน พิจารณาไม่ต่ออายุบัตร ระงับสิทธิการใช้บัตร และ/หรือ งดเว้นการให้บริการอย่างหนึ่งอย่างใด และ/หรือยกเลิกหรือเพิกถอนการเป็นผู้ถือบัตร (ทั้งบัตรหลักและ/หรือบัตรเสริม) ในกรณีที่เกิดเหตุแห่งการผิดสัญญาหรือเหตุแห่งการบอกเลิกสัญญาเหตุใดเหตุหนึ่งดังต่อไปนี้ขึ้น ทั้งนี้ เฉพาะการแจ้งระงับหรือยกเลิกหรือเพิกถอนการเป็นผู้ถือบัตร บริษัทจะแจ้งให้ทราบเป็นหนังสือ โดยผู้ถือบัตรยังคงต้องรับผิดชอบในยอดคงค้างที่ยังไม่ได้ชำระให้กับบริษัทภายในเวลาที่บริษัทกำหนดในหนังสือแจ้งการระงับหรือเพิกถอนสิทธิดังกล่าว
(ก) ผู้ถือบัตรปกปิดข้อมูลที่ควรแจ้ง หรือแจ้งข้อมูลไม่ครบถ้วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จให้แก่บริษัท หรือจัดให้บริษัทเข้าถึงข้อมูลของบุคคลอื่น ซึ่งทำให้บริษัทสำคัญผิดในคุณสมบัติของผู้ถือบัตร ในการสมัครเป็นผู้ถือบัตรไม่ว่าข้อความอันเป็นเท็จนั้นจะได้ปรากฏขึ้น หรือเป็นที่รับทราบของบริษัทก่อน หรือภายหลังการออกบัตรให้ผู้ถือบัตรหรือบริษัทตรวจสอบพบในภายหลังว่าการสมัครหรือการอนุมัติบัตรเกิดจากการสำคัญผิด หรือเกิดจากการดำเนินการโดยทุจริต
(ข) ผู้ถือบัตรไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือเงื่อนไขข้อหนึ่งข้อใดของสัญญานี้ หรือดำเนินการใดๆ อันไม่เป็นไปตามวิธีการที่บริษัทกำหนด
(ค) ผู้ถือบัตรผิดนัดชำระหนี้ใดๆ ที่ค้างชำระเมื่อถึงกำหนดชำระไม่ว่ากับบริษัท หรือบุคคลใดๆ หรือผิดนัดชำระหนี้ที่ค้างชำระกับบริษัทเมื่อถึงกำหนดชำระเป็นจำนวนรวมกันตั้งแต่ 2 งวดขึ้นไปภายในรอบ 6 เดือน หรือมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ถือบัตรอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้จนเสร็จสิ้น
(ง) เกิดการเปลี่ยนแปลงฐานะทางการเงินของผู้ถือบัตรหรือรายได้จากแหล่งที่มาต่างๆ (หรือผู้ถือบัตรมีภาระหนี้ หรือ วงเงินไม่ว่ากับบริษัท หรือสถาบันการเงินหรือนิติบุคคลอื่นสูงเกินกว่ารายได้) และบริษัทพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ถือบัตรเป็นผู้มีฐานะการเงินไม่เพียงพอสำหรับการชำระหนี้ที่เกิดขึ้นจากการใช้บัตร หรือ ผู้ถือบัตรประสบปัญหาอื่นใดอันเป็นสาระสำคัญซึ่งมีผลต่อการชำระหนี้ของผู้ถือบัตร
(จ) ผู้ถือบัตรเข้าร่วมโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และ/หรือโครงการหรือมาตรการช่วยเหลืออื่นใด ซึ่งระบุเงื่อนไขในการระงับการใช้บัตร และ/หรือยกเลิกสัญญาการใช้บัตรเครดิต
(ฉ) บริษัทพบว่าผู้ถือบัตรใช้บัตรผิดวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในสัญญานี้และ/หรือมีพฤติกรรม หรือ คุณสมบัติที่ผิดปกติหรือไม่เหมาะสมในการใช้บัตร หรือ เป็นสมาชิกผู้ถือบัตร (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการนำสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากการเป็นสมาชิกบัตรไปโอนและ/หรือจำหน่าย ไม่ว่าได้รับค่าตอบแทนหรือไม่ ให้แก่บุคคลอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท) รวมถึงการใช้บัตรเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ หรือการใช้บัตรในเชิงพาณิชย์ หรือมีลักษณะการใช้บัตรเพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบให้กับตนเองหรือผู้อื่น หรือ มีพฤติกรรมการใช้บัตรในทางฉ้อฉล หรือทุจริต หรือ เพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการปลอมและการใช้เอกสารปลอมในการขอใช้บัตรและ/หรือการกระทำอันมีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นการฟอกเงิน) หรือ เป็นการพ้นวิสัย หรือเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
(ช) ผู้ถือบัตรถูกดำเนินคดีแพ่ง หรือถูกกล่าวหาเป็นคดีอาญา หรืออยู่ระหว่างถูกพิทักษ์ทรัพย์ หรือตกเป็นบุคคลล้มละลายตามคำพิพากษา หรือเป็นบุคคลที่ถูกหน่วยงานราชการหรือหน่วยงานที่มีอำนาจมีคำสั่งให้ยึด/อายัดทรัพย์ หรือมีพฤติกรรมอันถือได้ว่าเป็นการฉ้อฉลบริษัท หรือสถาบันการเงินหรือบุคคล/นิติบุคคลอื่น
(ซ) ผู้ถือบัตรถึงแก่ความตาม สาบสูญ หรือตกเป็นบุคคลไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ ตามแต่กรณี หรือมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกต้องครบถ้วนตามที่บริษัทกำหนด
(ฌ) ผู้ถือบัตรไม่แสดงหรือไม่สามารถแสดงหลักฐานเงินได้ขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย และ/หรือหน่วยงาน ราชการที่เกี่ยวข้องกำหนดภายในระยะเวลาที่บริษัทกำหนด
(ญ) เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย กฎกระทรวง และ/หรือประกาศของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญแก่การประกอบกิจการของบริษัทและ/หรือการให้บริการของบริษัทตามสัญญาฉบับนี้ หรือบริษัทตัดสินใจยกเลิกการให้บริการบัตรเครดิตตามสัญญานี้
(ฎ) ในกรณีที่ผู้ถือบัตรไม่มียอดคงค้าง หรือไม่มียอดใช้จ่ายผ่านบัญชีของผู้ถือบัตร หรือไม่มีการเคลื่อนไหวทางบัญชี หรือไม่ได้มีการติดต่อกับบริษัท และ/หรือบริษัทไม่สามารถติดต่อผู้ถือบัตรได้ (กรณีใดกรณีหนึ่ง) เป็นเวลาติดต่อกันอย่างน้อย 12 เดือน หรือระยะเวลาอื่นใดตามที่บริษัทกำหนด
(ฏ) กรณีอื่นๆ ตามที่บริษัทจะประกาศให้ทราบต่อไป ทั้งนี้ ในกรณีที่บัตรหลักถูกระงับหรือถูกยกเลิก (รวมถึง กรณีที่ไม่ได้รับการต่ออายุบัตร) จะมีผลทำให้บัตรเสริมถูกระงับและ/หรือถูกยกเลิกพร้อมกันกับบัตรหลักทันที
อย่างไรก็ดี กรณีผู้ถือบัตรเสียชีวิต ให้ถือว่าสัญญาฉบับนี้สิ้นสุดลง และบริษัทมีสิทธิเรียกร้องในยอดหนี้ค้างชำระทันที โดยบริษัทไม่จำต้องส่งคำบอกกล่าวเพื่อเลิกสัญญา
2.3 ในระหว่างที่มีเหตุแห่งการผิดสัญญาหรือเหตุแห่งการบอกเลิกสัญญา เหตุใดเหตุหนึ่งเกิดขึ้น (นอกเหนือจากสิทธิในการลดวงเงิน พิจารณาไม่ต่ออายุบัตร ระงับสิทธิการใช้และ/หรือยกเลิกหรือเพิกถอนการเป็นผู้ถือบัตรเมื่อเกิดเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งตามที่ระบุในข้อ 2.2 ข้างต้นแล้ว) บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกหรือระงับการให้บริการอย่างหนึ่งอย่างใด หรือยกเลิกสิทธิพิเศษหรือสิทธิประโยชน์ใดๆ ที่ได้ให้กับผู้ถือบัตร (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงกรณีที่ผู้ถือบัตรได้รับอัตราค่าธรรมเนียมสินเชื่อในอัตราพิเศษ) โดยเมื่อมีเหตุแห่งการผิดสัญญาหรือเหตุแห่งการบอกเลิกสัญญาเหตุใดเหตุหนึ่งเกิดขึ้น บริษัทสงวนสิทธิที่จะเปลี่ยนแปลงอัตราค่าธรรมเนียมสินเชื่อพิเศษที่ผู้ถือบัตรได้รับให้เป็นอัตราค่าธรรมเนียมสินเชื่อในอัตราสูงสุดที่บริษัทสามารถเรียกเก็บได้ในขณะนั้น จนกว่าเหตุแห่งการผิดสัญญา หรือเหตุแห่งการบอกเลิกสัญญานั้นจะได้ถูกแก้ไขโดยไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยและ/หรือค่าธรรมเนียมที่บริษัทต้องแจ้งให้ผู้ถือบัตรทราบล่วงหน้า
2.4 บริษัทมีสิทธิที่จะโอนสิทธิหน้าที่และผลประโยชน์ใดๆ ตามสัญญาฉบับนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่บุคคลอื่นได้โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมใดๆ จากผู้ถือบัตร ทั้งนี้บริษัทจะแจ้งการโอนเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน โปรแกรมออนไลน์ ทางไปรษณีย์ หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือช่องทางอื่นใดตามที่บริษัทจัดให้มีขึ้นไปยังผู้ถือบัตร
2.5 บริษัทมีสิทธิเปลี่ยนแปลงงวดบัญชีของผู้ถือบัตร โดยจะแจ้งให้ผู้ถือบัตรทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน และให้ถือว่าหนี้อันเกิดจากการใช้บัตรนั้นถึงกำหนด ชำระตามที่ระบุไว้ในใบแจ้งยอดบัญชี โดยไม่ถือเป็นการแปลงหนี้ใหม่
2.6 บริษัทสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของการใช้บัตรเครดิต อัตราดอกเบี้ย เบี้ยปรับ ค่าธรรมเนียม ค่าบริการ และค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกการให้บริการใดๆ หรือเพิกถอนสิทธิประโยชน์ของบัตรไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เฉพาะต่อผู้ถือบัตรรายใดรายหนึ่งได้ โดยบริษัทจะแจ้งให้ผู้ถือบัตรทราบล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน โปรแกรมออนไลน์ ทางไปรษณีย์ หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือช่องทางอื่นใดตามที่บริษัทจัดให้มีขึ้น ก่อนจะมีผลบังคับใช้ไม่น้อยกว่าสามสิบ (30) วัน เว้นแต่ในกรณีเร่งด่วน บริษัทจะแจ้งให้ทราบทางจดหมาย ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือประกาศทางเว็บไซต์ของบริษัทหรือหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทยล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ด (7) วันก่อนมีผลใช้บังคับและแจ้งให้ทราบเป็นลายลักษณ์อักษรให้ทราบอีกครั้งหนึ่งตามช่องทางที่ระบุข้างต้น อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวข้างต้นเป็นประโยชน์หรือลดภาระแก่สมาชิกซึ่งมีผลใช้บังคับได้ทันที บริษัทจะแจ้งให้สมาชิกทราบเป็นลายลักษณ์อักษรภายในสามสิบ (30) วัน หลังมีผลใช้บังคับ ทั้งนี้ ให้ถือว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของข้อกำหนดและเงื่อนไขฉบับนี้และผู้ถือบัตรตกลงผูกพันตามข้อกำหนดและเงื่อนไขใหม่ที่แจ้งให้ทราบแล้วโดยไม่ต้องทำเอกสารหลักฐานใดๆ ให้แก่บริษัทอีกทั้งสิ้น
2.7 การล่าช้าหรืองดเว้นใดๆ ในการใช้สิทธิของบริษัทตามกฎหมาย หรือ ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขนั้น ไม่ถือว่า บริษัทสละสิทธิหรือให้ความยินยอมในการดำเนินการใดๆ แก่ผู้ถือบัตรแต่ประการใด
3. การชำระหนี้ ดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียม
ผู้ถือบัตรตกลงให้บริษัทเรียกเก็บค่าธรรมเนียมดังต่อไปนี้
3.1 การใช้บัตรเบิกถอนเงินสดล่วงหน้าหรือใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการต่างๆ แทนการชำระเงินสดผู้ถือบัตร ตกลงที่จะชำระคืนให้แก่บริษัทพร้อมกับค่าธรรมเนียม (ถ้ามี) โดยที่ยอดชำระขั้นต่ำในแต่ละงวดต้องไม่น้อยกว่าอัตราที่บริษัทประกาศใช้ ณ ขณะนั้น
3.2 ในกรณีผู้ถือบัตรไม่สามารถชำระเงินครบถ้วนเต็มจำนวนตามใบแจ้งยอดบัญชีบัตรเครดิตในคราวเดียวกันภายในวันที่ถึงกำหนดชำระถือว่าผู้ถือบัตรขอผ่อนเวลาการชำระหนี้ส่วนที่เหลือโดยตกลงที่จะชำระ ก) ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม ในยอดหนี้ทั้งจำนวนโดยคิดคำนวณจากวันที่มีการบันทึกรายการ/วันที่ได้รับเงินต้น (ตามแต่กรณี) จนถึงวันที่ผู้ถือบัตร ชำระหนี้บางส่วน และ ข) ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินในยอดหนี้ค้างชำระที่เหลืออยู่ ทั้งนี้ สำหรับอัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมนั้นให้เป็นไปตามอัตราที่บริษัทกำหนด ทั้งนี้ไม่เกินอัตราสูงสุดที่บริษัทจะเรียกเก็บได้ตามที่กฎหมายกำหนดในขณะนั้น โดยบริษัทจะคำนวณดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมดังกล่าวนับจากวันที่บริษัทจ่ายเงินให้ร้านค้าจนถึงวันที่ผู้ถือบัตรชำระหนี้ครบถ้วน ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินรวมกันเรียกว่า “ค่าธรรมเนียมสินเชื่อ”
3.3 กรณีที่ผู้ถือบัตรทำธุรกรรมใดๆ ที่เข้าลักษณะการผ่อนชำระเงินต้นที่ใช้จ่ายผ่านบัตร (หรือเบิกถอนผ่านบัตร) เป็นรายงวดตามจำนวนเงินและจำนวนงวดที่ตกลงกับบริษัท ผู้ถือบัตรตกลงและรับทราบว่าจำนวนเงินที่ผู้ถือบัตรต้อง ชำระแต่ละงวดตามที่บริษัทแจ้งให้ผู้ถือบัตรทราบนั้นเป็นการคำนวณเบื้องต้นโดยใช้อัตราดอกเบี้ย/ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินแบบคงที่เพื่อความสะดวกในการคำนวณหาจำนวนยอดเงินที่ผู้ถือบัตรต้องชำระต่อเดือน ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทใช้หลักเกณฑ์ในการคำนวณค่าธรรมเนียมสินเชื่อแบบลดต้นลดดอก หากผู้ถือบัตรมีการชำระเงินงวดหนึ่งงวดใดน้อย หรือมากกว่าจำนวนที่ระบุข้างต้นและ/หรือมีการชำระไม่ตรงเวลาที่กำหนดจะไม่กระทบจำนวนยอดเงินที่จะชำระในแต่ละงวด (ยกเว้นงวดสุดท้าย) แต่จะมีผลให้จำนวนยอดเงินที่ผู้ถือบัตรต้องชำระในงวดสุดท้ายเพิ่มขึ้นหรือลดลง (ตามแต่กรณี) และ/หรืออาจทำให้จำนวนงวดที่ต้องชำระลดลงหากมีการชำระค่างวดเกินกว่าจำนวนที่กำหนดในแต่ละงวด
3.4 กรณีที่ผู้ถือบัตรชำระหนี้ตามบัตรโดยการใช้เช็ค และปรากฏว่าเช็คดังกล่าวถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ผู้ถือบัตรตกลงเสียค่าปรับกรณีเช็คคืนในอัตราที่บริษัทกำหนด แต่ไม่เกินอัตราสูงสุดที่บริษัทจะเรียกเก็บได้ตามกฎหมายที่มีผลใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน
3.5 ผู้ถือบัตรตกลงที่จะชำระค่าธรรมเนียมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับบัตรตามที่ได้มีการระบุไว้ในใบสมัคร และในตารางค่าธรรมเนียม (หรือที่จะได้มีการแจ้งให้ทราบเพิ่มเติมในภายหน้า) ให้กับบริษัท (ถ้ามี) ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ดังกล่าวจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยอนุญาต
3.6 นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมตามข้อ 3.5 แล้ว ในการใช้บัตรชำระค่าสินค้าและ/หรือบริการรวมถึงการเบิกเงินสดนั้น ในกรณีที่การทำรายการต่างๆ ดังกล่าว มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายโดยผู้ประกอบการ หรือร้านค้าโดยทำการเรียกเก็บผ่านทางบัญชีบัตร ผู้ถือบัตรตกลงและรับทราบว่าผู้ถือบัตรได้รับทราบถึงค่าธรรมเนียมต่างๆ ดังกล่าวแล้ว ณ ขณะทำรายการหรือใช้บัตรและตกลงที่จะชำระค่าธรรมเนียมต่างๆ ดังกล่าวที่เกิดขึ้น
3.7 หากมีการติดตามทวงถามหนี้อันเกิดจากการใช้บัตรผู้ถือบัตรตกลงรับผิดชอบชดใช้ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้บริษัทเต็มตามจำนวนซึ่งรวมทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีตามกฏหมาย ค่าทนายความ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในการที่บริษัทจะใช้สิทธิตามกฎหมายบังคับให้ผู้ถือบัตรชำระหนี้ตามความในสัญญานี้
3.8. ในกรณีที่บริษัทอนุมัติให้ผู้ถือบัตรเข้าร่วมโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และ/หรือโครงการหรือมาตรการช่วยเหลืออื่นใด ผู้ถือบัตรตกลงว่าเงื่อนไขการชำระหนี้ของผู้ถือบัตรจะเป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และ/หรือโครงการหรือมาตรการช่วยเหลือที่ผู้ถือบัตรเข้าร่วม
4. ข้อกำหนดและเงื่อนไขการซื้อสินค้า/บริการแบบผ่อนชำระ
เว้นแต่ตกลงเป็นอย่างอื่น ข้อกำหนดและเงื่อนไขนี้ใช้บังคับกับผู้ถือบัตรที่ซื้อสินค้าและ/หรือชำระค่าบริการแบบผ่อนชำระ เป็นงวดๆ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่ง ของสัญญานี้
4.1 ผู้ถือบัตรอาจใช้บัตรซื้อสินค้าและ/หรือใช้บริการจากสถานประกอบการและ/หรือร้านค้าที่ร่วมรายการ (ซึ่งต่อไปนี้ จะเรียกว่า “ร้านค้า”) แบบผ่อนชำระโดยผู้ถือบัตรตกลงที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
(ก) สินค้าและ/หรือบริการนั้นจะต้องมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าที่บริษัทและ/หรือร้านค้ากำหนด
(ข) บริษัทจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการดำเนินการสำหรับสินค้าหรือบริการบางประเภท (ถ้ามี) และ/หรือค่าธรรมเนียมอื่นใดนอกเหนือจากค่าธรรมเนียมตามที่ระบุในข้อ 3. ซึ่งจะคำนวณระยะเวลาและเงื่อนไขที่ตกลงกันซึ่งเมื่อรวมกับค่าสินค้าหรือบริการแล้วจะเป็นยอดเงินทั้งหมด ที่ผู้ถือบัตรจะต้องผ่อนชำระ
(ค) ผู้ถือบัตรตกลงผ่อนชำระค่าสินค้าและ/หรือบริการเป็นรายงวดตามที่ตกลงกับบริษัทและ/หรือร้านค้า ทั้งนี้จำนวน งวดการชำระและ/หรือจำนวนเงินที่ต้องผ่อนชำระในงวดสุดท้ายอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับจำนวนเงินและ ระยะเวลาในการชำระเงินในแต่ละงวดของผู้ถือบัตร
(ง) ในการซื้อสินค้าหรือใช้บริการแต่ละคราว ผู้ถือบัตรจะต้องปฏิบัติตามวิธีการใช้บัตรชำระแทนเงินสดของช่องทางการชำระเงินของร้านค้านั้น ซึ่งผู้ถือบัตรต้องลงลายมือชื่อในเอกสาร หรือบนเครื่องรับลายเซ็น (Electronic Sign Pad) หรืออุปกรณ์อื่นใดตามแบบที่บริษัทกำหนด หรือดำเนินการอย่างใดๆ ตามแบบวิธีการที่บริษัทกำหนด หรือปฏิบัติตามขั้นตอนโดยวิธีอื่นโดยไม่ต้องลงลายมือชื่อในเอกสารหรืออุปกรณ์อื่นใด เพื่อเป็นการยืนยันการซื้อสินค้า หรือใช้บริการแบบผ่อนชำระโดยการใช้สินเชื่อตามสัญญาฉบับนี้
(จ) ผู้ถือบัตรตกลงให้บริษัทชำระค่าสินค้าและ/หรือบริการให้แก่ผู้ขายสินค้าและ/หรือผู้ให้บริการแทนผู้ถือบัตรและให้ถือว่าผู้ถือบัตรได้รับเงินต้น/สินเชื่อแล้วโดยสมบูรณ์ เมื่อผู้ถือบัตรได้รับสินค้าและ/หรือบริการจากผู้ขายสินค้าและ/หรือผู้ให้บริการเรียบร้อยแล้ว หรือเมื่อบริษัทชำระค่าสินค้าให้แก่ผู้ขายสินค้าและ/หรือผู้ให้บริการ (แล้วแต่เหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นก่อน) โดยให้ถือว่าหลักฐานการจ่ายเงินให้แก่ผู้ขายสินค้าและ/หรือผู้ให้บริการเป็นหลักฐานแห่งการใช้เงินสินเชื่อโดยชอบของผู้ถือบัตร
4.2 ผู้ถือบัตรต้องปฏิบัติตามวิธีการใช้บัตรชำระแทนเงินสดตามวิธีการที่กำหนดอยู่ ณ ร้านค้านั้น หรือแสดงบัตรต่อพนักงานของร้านค้านั้น และลงลายมือชื่อในเอกสารการขายหรือการให้บริการ (Sales Slip) หรือบนเครื่องรับลายเซ็น (Electronic Sign Pad) หรืออุปกรณ์อื่นใด หรือดำเนินการอย่างใดๆ ตามแบบวิธีการที่บริษัทกำหนด เพื่อเป็นหลักฐานในการใช้บัตรแบบผ่อนชำระ แทนการชำระเงินทุกครั้ง เว้นแต่กรณีที่บริษัทหรือร้านค้ากำหนดไว้เป็นการเฉพาะว่าไม่ต้องลงลายมือชื่อในเอกสารการขายหรืออุปกรณ์อื่นใด (แล้วแต่กรณี) ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตาม ผู้ถือบัตรยอมรับว่าเป็นการใช้บัตรชำระแทนเงินสดโดยสมบูรณ์แล้ว
4.3 ภายใต้หลักเกณฑ์ในข้อ 3.3 ในกรณีที่ผู้ถือบัตรต้องการชำระค่างวดสินค้าที่ผ่อนชำระในคราวเดียว ผู้ถือบัตรจะต้องติดต่อบริษัทฯ เพื่อสอบถามยอดชำระปิดบัญชีล่วงหน้า และจะต้องชำระเงินที่คงค้างทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยและ/หรือ ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินสำหรับงวดผ่อนชำระที่เหลือทั้งหมด
4.4 บริษัทไม่รับผิดชอบในความชำรุดบกพร่องของสินค้า หรือบริการใดๆ ซึ่งผู้ถือบัตรซื้อในกรณีที่มีการเปลี่ยน หรือคืนสินค้า ผู้ถือบัตรตกลงที่จะปฏิบัติตามระเบียบและ/หรือข้อกำหนดในการเปลี่ยนหรือคืนสินค้าของร้านค้าหรือสถานประกอบการนั้นๆ
4.5 ผู้ถือบัตรอาจทำรายการผ่อนชำระสินค้า และ/หรือบริการผ่านทางโทรศัพท์ และ/หรือผ่านเว็ปไซต์ และ/หรือแอปพลิเคชั่น และ/หรือผ่านทางโปรแกรมออนไลน์ที่จัดให้มีโดยบริษัทบนโทรศัพท์เคลื่อนที่หรืออุปกรณ์ใดๆ และ/หรือช่องทางอื่นๆ ที่บริษัทแจ้งให้ทราบได้ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของบริษัท ทั้งนี้เว้นแต่ข้อกำหนดและเงื่อนไขในเรื่องดังกล่าวจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ผู้ถือบัตรตกลงว่าให้นำข้อกำหนดตามข้อ 4 ข้อ 5 และข้อ 7 ของสัญญานี้ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
5. ข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการและธุรกรรมทางโทรศัพท์
5.1 ผู้ถือบัตรสามารถใช้รหัสประจำตัวของผู้ถือบัตร ซึ่งใช้กับบัตรหรือที่ได้รับแจ้งจากบริษัท หรือที่ผู้ถือบัตรได้กำหนดด้วยตนเองตามขั้นตอนที่บริษัทกำหนด หรือที่จะได้มีการเปลี่ยนแปลง ในภายหน้าในการใช้บริการอัตโนมัติทางโทรศัพท์ของบริษัท ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรสัญญาว่าจะรักษารหัสดังกล่าวไว้เป็นความลับ แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น หากผู้ถือบัตรประสงค์จะเปลี่ยนรหัสดังกล่าวก็สามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้บริษัททราบ
5.2 ผู้ถือบัตรตกลงยินยอมรับผิดชอบในการกระทำใดๆ ที่ดำเนินการผ่านบริการอัตโนมัติทางโทรศัพท์โดยใช้รหัสประจำตัวของผู้ถือบัตรและ/หรือที่ได้ทำผ่านโทรศัพท์โดยการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของบริษัท (ซึ่งจะได้มีการตรวจสอบยืนยันข้อมูลส่วนตัวของผู้ถือบัตร) รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการขอเบิกใช้เงินสดล่วงหน้า หรือการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคล โดยให้ถือว่าเมื่อได้ทำธุรกรรมหรือคำร้องขอใดๆ แล้วให้มีผลผูกพันผู้ถือบัตรโดยไม่อาจเพิกถอนได้ เว้นแต่จะทำเป็นหนังสือยืนยันการเพิกถอนธุรกรรมนั้นๆ และให้ผลแห่งการกระทำใดๆ ที่กระทำผ่านทางโทรศัพท์มีผลผูกพัน ทั้งผู้ถือบัตรหลักและบัตรเสริมทุกประการ
5.3 ผู้ถือบัตรตกลงยอมรับว่าบรรดาคู่มือวิธีการใช้บริการอัตโนมัติทางโทรศัพท์เอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริการดังกล่าวทั้งที่มีอยู่แล้วในขณะนี้ หรือที่จะมีต่อไป (หรือแก้ไข) ในภายหน้า ซึ่งบริษัทได้มอบหรือจัดส่งให้แก่ผู้ถือบัตร รวมทั้งคำสั่ง คำแนะนำ คำตอบรับหรือธุรกรรมใดๆ ทางเครื่องโทรศัพท์ซึ่งผู้ถือบัตรใช้ในการดำเนินการต่างๆ นั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อกำหนดและเงื่อนไขตามสัญญานี้ด้วย
5.4 ผู้ถือบัตรตกลงชำระค่าธรรมเนียมการใช้บริการอัตโนมัติทางโทรศัพท์ (ถ้ามี) ตามกำหนดเวลาและอัตรา ที่บริษัทกำหนด โดยบริษัทสงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมการใช้บริการอัตโนมัติทางโทรศัพท์ตามอัตราที่บริษัทกำหนดเมื่อใดก็ได้ โดยบริษัทจะดำเนินการแจ้งให้ผู้ถือบัตรทราบเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน
5.5 ผู้ถือบัตรรับทราบว่าในการทำธุรกรรมใดๆ ผ่านทางโทรศัพท์ (รวมถึง การติดต่อใดๆ กับบริษัทผ่านทางโทรศัพท์) นั้นอาจมีการบันทึกเสียงหรือบันทึกข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในการตรวจสอบหรือใช้เป็นหลักฐาน โดยผู้ถือบัตรตกลงให้บริษัทสามารถบันทึกเสียงและข้อมูลดังกล่าวได้ และสามารถให้ใช้บันทึกดังกล่าวเป็นหลักฐานอ้างอิงในการทำธุรกรรมใดๆ ระหว่างบริษัทกับผู้ถือบัตร
6. ข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บัตรกับเครื่องฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติ (ATM)
6.1 ผู้ถือบัตรสามารถนำบัตรไปใช้บริการต่างๆ ผ่านเครื่องฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) ของธนาคารพาณิชย์ ทั้งในและต่างประเทศตามแต่คุณสมบัติของแต่ละประเภทบัตรที่บริษัทกำหนด ผู้ถือบัตรต้องใช้รหัสประจำตัว (PIN) ที่ผู้ถือบัตรกำหนดด้วยตนเองตามขั้นตอนของบริษัท (หรือที่ผู้ถือบัตรจะได้เปลี่ยนแปลงในภายหลังเอง) ประกอบการใช้บัตรผ่านเครื่อง ฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) ทุกครั้ง ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรสัญญาว่าจะรักษารหัสดังกล่าวไว้เป็นความลับแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น หากผู้ถือบัตรประสงค์จะเปลี่ยนรหัสดังกล่าวก็สามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้บริษัททราบ
6.2 ผู้ถือบัตรจะใช้บัตรทำรายการต่างๆ ได้ไม่เกินจำนวนครั้งและจำนวนเงินที่บริษัทกำหนดและกรณีการใช้บริการ ผ่านเครื่องฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) หากผู้ถือบัตรกดรหัสผิดเกินกว่าจำนวนที่ผู้ให้บริการเครื่องฝาก-ถอนเงิน อัตโนมัติ (ATM) แต่ละรายกำหนด ผู้ถือบัตรจะไม่สามารถทำรายการใดๆ ผ่านบัตรได้อีกจนกว่าผู้ถือบัตรติดต่อกับบริษัท
6.3 ในการใช้บัตรเพื่อเบิกเงินสด ผู้ถือบัตรตกลงยอมผูกพันตามข้อกำหนด และเงื่อนไขต่างๆ ตามสัญญานี้ และให้ถือว่า (1) ใบบันทึกรายการดังกล่าว และ/หรือ (2) ข้อมูลที่บริษัทได้รับจากระบบคอมพิวเตอร์ของธนาคารเจ้าของ เครื่องฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) เป็นหลักฐานการได้รับเงินของผู้ถือบัตรตามสัญญาฉบับนี้แล้ว
6.4 ในการทำธุรกรรมผ่านเครื่องฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) อาจจะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้บริการ โดยสถาบันการเงินผู้ให้บริการเครื่องฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท ดังนั้นผู้ถือบัตรควรศึกษารายละเอียดค่าธรรมเนียมดังกล่าวก่อนทำรายการ โดยบริษัทจะถือว่าในการทำรายการของผู้ถือบัตรนั้น ผู้ถือบัตรตกลงและรับทราบในค่าธรรมเนียมดังกล่าวและผู้ถือบัตรตกลงยินยอมชำระค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใดๆ ที่เกี่ยวกับการใช้บริการผ่านเครื่องฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) และตกลงยินยอมให้บริษัทหักเงินจากบัตรเครดิตของผู้ถือบัตร ได้ตามอัตราและกำหนดเวลาที่บริษัทกำหนด
7. ข้อกำหนดและเงื่อนไขการทำธุรกรรมและ/หรือการใช้บริการผ่านทางเว็ปไซต์ของบริษัท หรือแอปพลิเคชั่นหรือ ผ่านทางโปรแกรมออนไลน์ที่จัดให้มีโดยบริษัทบนโทรศัพท์เคลื่อนที่หรืออุปกรณ์ใดๆ
7.1 ผู้ถือบัตรสามารถใช้บริการบางประเภทผ่านทางเว็ปไซต์ หรือโปรแกรมของบริษัท หรือแอปพลิเคชั่นหรือ ผ่านทางโปรแกรมออนไลน์ที่จัดให้มีโดยบริษัทบนโทรศัพท์เคลื่อนที่หรืออุปกรณ์ใดๆ หรือช่องทางอื่นใดที่บริษัทจัดทำขึ้น (ตามที่มีให้บริการอยู่ ณ ขณะใดขณะหนึ่ง) ได้โดยทำการลงทะเบียน ผ่านทางเว็ปไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น หรือ โปรแกรมของบริษัท หรือช่องทางอื่นใดที่บริษัทจัดทำขึ้น โดยผู้ถือบัตรจะต้องใช้รหัสประจำตัวที่ได้รับจากการลงทะเบียน (หรือที่ผู้ถือบัตรเป็นผู้กำหนด) ในการทำธุรกรรมหรือใช้บริการต่างๆ ผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท และ/หรือแอปพลิเคชั่น และ/หรือบนโปรแกรม และ/หรือช่องทางอื่นใดที่บริษัทจัดทำขึ้นดังกล่าว
7.2 ผู้ถือบัตรรับทราบว่าในการทำธุรกรรมและ/หรือใช้บริการใดๆ ผ่านทางเว็ปไซต์ของบริษัท และ/หรือแอปพลิเคชั่น และ/หรือบนโปรแกรมและ/หรือช่องทางอื่นใดที่บริษัทจัดทำขึ้น ผู้ถือบัตรตกลงยอมรับและจะปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขต่างๆที่เกี่ยวกับการใช้เว็ปไซต์ และ/หรือแอปพลิเคชั่น และ/หรือบนโปรแกรมดังกล่าวทุกประการและให้ถือว่าการกระทำดังกล่าวมีผลผูกพันผู้ถือบัตรตามสัญญาฉบับนี้แล้วโดยไม่จำเป็น ต้องทำเป็นเอกสารลงลายมือชื่อของผู้ถือบัตรอีก
7.3 ผู้ถือบัตรรับทราบว่าในการทำธุรกรรมและ/หรือใช้บริการใดๆ ผ่านทางเว็ปไซต์ของบริษัท และ/หรือแอปพลิเคชั่น และ/หรือบนโปรแกรมและ/หรือช่องทางอื่นใดที่บริษัทจัดทำขึ้นนั้น อาจมีการบันทึกข้อมูลการทำธุรกรรมดังกล่าวเพื่อใช้ในการตรวจสอบและสามารถให้ใช้บันทึกดังกล่าวเป็นหลักฐานอ้างอิงในการทำธุรกรรมใดๆ ระหว่างบริษัทกับผู้ถือบัตรโดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากผู้ถือบัตรอีก
8. ข้อกำหนดและเงื่อนไขเกี่ยวกับคะแนนสะสมและการแลกของรางวัล
8.1 ผู้ถือบัตรตกลงและรับทราบว่าบริษัทอาจจัดให้มีรายการคะแนนสะสม หรือรายการผลประโยชน์เป็นครั้งคราว อันเนื่องมาจากการใช้บัตรของผู้ถือบัตรตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของรายการนั้นๆ ตามที่บริษัทจะได้แจ้งให้ผู้ถือบัตรทราบ ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรตกลงผูกพันตามข้อกำหนดต่างๆ ดังกล่าวที่เกี่ยวข้องและให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาฉบับนี้ โดยผู้ถือบัตรหลักรับทราบว่าคะแนนสะสมจากบัตรเครดิตจะสามารถใช้ได้เมื่อเป็นสมาชิกมายโลตัสแล้วเท่านั้น
8.2 ผู้ถือบัตรตกลงว่าบรรดาสิทธิประโยชน์และ/หรือสิทธิพิเศษใดๆ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงสิทธิพิเศษจากรายการส่งเสดริมการขายรายการ คะแนนสะสม หรือสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่บริษัทจะจัดให้กับผู้ถือบัตรนั้นนอกเหนือจากที่ได้มีการระบุไว้ในเงื่อนไขของ รายการนั้นๆ ผู้ถือบัตรตกลงว่าบริษัทมีสิทธิที่จะมอบสิทธิประโยชน์และ/หรือสิทธิพิเศษต่างๆ ดังกล่าวให้กับผู้ถือบัตรที่ปฏิบัติถูกต้องตามเงื่อนไข (หากมี) เว้นแต่กรณีที่บัญชีของผู้ถือบัตรถูกระงับหรือยกเลิก (ไม่ว่าชั่วคราวหรือถาวร) หรือผู้ถือบัตรมีประวัติการชำระเงินไม่ดี หรือมีการใช้บัตรเพื่อการพาณิชย์หรือเพื่อการใดๆ อันผิดวัตถุประสงค์การใช้บัตรเครดิต ผิดกฎหมายหรือขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือมีการชำระเงินเข้าบัญชีบัตรเกินกว่ายอดที่ต้องชำระโดยมีเจตนาที่จะรับสิทธิประโยชน์และ/หรือสิทธิพิเศษซึ่งมากกว่าที่ควรได้รับจากการใช้บัตรภายในวงเงินที่บริษัทอนุมัติ หรือกรณีที่ผู้ถือบัตรกระทำผิดข้อกำหนดและเงื่อนไขใดๆ ตามสัญญานี้ สัญญาฉบับนี้อยู่ภายใต้บังคับและตีความตามกฎหมายของประเทศไทย ในกรณีที่มีการจัดทำขึ้นทั้งฉบับภาษาไทย และฉบับภาษาอังกฤษ หากมีข้อความขัดแย้งกันให้ใช้สัญญาฉบับภาษาไทยเป็นหลักในการบังคับใช้และตีความ
• สงวนสิทธิ์การรับสิทธิประโยชน์ดังกล่าว จากการซื้อสินค้าผ่านบัตรเครดิตโลตัส รับความคุ้มครองสูงสุด 20,000 บาท ต่อปี เมื่อซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ และชำระค่าสินค้าผ่านระบบการชำระเงินทางอินเตอร์เน็ต ด้วยบัตรเครดิตโลตัส ตั้งแต่ 1 ม.ค. 67 – 31 ธ.ค. 67
• กรณีถูกโกงจากการซื้อสินค้าออนไลน์
• กรณีถูกลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ในระหว่างการจัดส่ง
• กรณีเกิดอุบัติเหตุทำให้สินทรัพย์สูญเสียหรือเสียหาย ในระหว่างการจัดส่ง
• มูลค่าสินค้าที่ชำระขั้นต่ำด้วยบัตรเครดิต 2,500 บาท/เซลล์สลิป
• วงเงินคุ้มครอง/ครั้ง/เหตุการณ์ 10,000 บาท
• วงเงินคุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท ตลอดอายุสัญญา (1 ปีปฏิทิน)
• ชื่อผู้เอาประกันภัยจะต้องตรงกับชื่อผู้ถือบัตรเครดิตโลตัส ที่ทำรายการชำระสินค้าผ่านเว็บไซต์เท่านั้น
• การชดเชยสินไหม และเงื่อนไขความคุ้มครอง เป็นไปตามกรมธรรม์ประกันภัยที่คุ้มครองโดยบริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อศูนย์บริการลูกค้า เอ็ม เอส ไอ จี โทร. 0 2007 9000
• ศูนย์บริการเคลมฮอตไลน์ 24 ชั่วโมง โทร. 1259
• บริษัทบัตรฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ หากมีข้อสงสัยกรุณาติดต่อผู้ให้บริการโดยตรงเท่านั้น
ศึกษารายละเอียด ความคุ้มครอง และวิธีการให้บริการด้านสินไหมทดแทน คลิก