วิธีเช็คคะแนนใบขับขี่ด้วยตัวเอง มีกี่แต้ม
เช็คยังไง ทำตามได้ทันที

แต้มใบขับขี่คืออะไร?

ระบบแต้มใบขับขี่หรือคะแนนใบขับขี่ เป็นระบบที่กรมการขนส่งทางบกนำมาใช้เพื่อควบคุมพฤติกรรมของผู้ขับขี่ โดยผู้ที่ได้รับใบขับขี่จะมีคะแนนเริ่มต้น 12 คะแนน หากกระทำความผิดกฎจราจร จะถูกตัดคะแนนตามความร้ายแรงของการกระทำผิด
เมื่อคะแนนถูกตัดจนเหลือ 0 คะแนน ใบขับขี่จะถูกพักใช้เป็นเวลา 90 วัน และหากกระทำความผิดซ้ำอีกจนคะแนนเป็น 0 ภายใน 1 ปี ใบขับขี่จะถูกพักใช้เป็นเวลา 180 วัน การตรวจสอบคะแนนใบขับขี่จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ขับขี่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ
เช็คคะแนนใบขับขี่ออนไลน์ได้ที่ไหนบ้าง?
ปัจจุบัน การเช็คคะแนนใบขับขี่สามารถทำได้หลายช่องทาง ซึ่งล้วนเป็นช่องทางออนไลน์ที่สะดวกและรวดเร็ว ดังนี้
- เว็บไซต์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
การเช็คคะแนนใบขับขี่ผ่านเว็บไซต์สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นช่องทางหลักที่ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบคะแนนได้โดยตรง ขั้นตอนมีดังนี้
- เข้าไปที่เว็บไซต์ ptm.police.go.th/eTicket
- คลิกที่เมนู "ตรวจสอบคะแนน"
- กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก หรือเลขหนังสือเดินทาง
- กรอกรหัสยืนยันตัวตน (Captcha)
- กดปุ่ม "ค้นหา"
ระบบจะแสดงข้อมูลคะแนนปัจจุบันของใบขับขี่ รวมถึงประวัติการกระทำความผิดและการถูกตัดคะแนน
- แอปพลิเคชันขับดี (KhubDee)
แอปพลิเคชัน "ขับดี" หรือ KhubDee เป็นแอปพลิเคชันที่พัฒนาโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้บริการเช็คคะแนนใบขับขี่ รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกฎจราจร ขั้นตอนการเช็คคะแนนมีดังนี้
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน KhubDee จาก App Store (iOS) หรือ Google Play Store (Android)
- ลงทะเบียนใช้งานด้วยเลขบัตรประชาชน 13 หลัก
- ยืนยันตัวตนด้วย OTP ที่ส่งไปยังหมายเลขโทรศัพท์
- เข้าสู่ระบบและไปที่เมนู "ตรวจสอบคะแนน"
แอปพลิเคชันนี้ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น การแจ้งเตือนเมื่อมีการตัดคะแนน การชำระค่าปรับออนไลน์ และข้อมูลกฎจราจร
- แอปพลิเคชัน เป๋าตัง
แอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ที่หลายคนคุ้นเคยกับการใช้งานด้านการเงิน ก็สามารถใช้เช็คคะแนนใบขับขี่ได้เช่นกัน ขั้นตอนมีดังนี้
- เปิดแอปพลิเคชัน เป๋าตัง
- ไปที่เมนู "บริการอื่นๆ"
- เลือก "บริการภาครัฐ" หรือ "บริการรัฐ"
- เลือก "ตรวจสอบคะแนนใบขับขี่"
- ยืนยันตัวตนด้วยรหัส PIN หรือ Biometric
- ระบบจะแสดงคะแนนปัจจุบันของใบขับขี่
อยากเช็คใบขับขี่จากเลขบัตรประชาชน ต้องทำยังไง?
การเช็คคะแนนใบขับขี่ด้วยเลขบัตรประชาชนเป็นวิธีที่สะดวกและง่ายที่สุด โดยสามารถเช็คแต้มใบขับขี่ได้ผ่านช่องทางต่างๆ ที่กล่าวไปข้างต้น แต่หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม มีวิธีเช็คแต้มใบขับขี่ดังนี้
- เตรียมเลขบัตรประชาชน 13 หลักให้พร้อม
- เข้าสู่เว็บไซต์ ptm.police.go.th/eTicket หรือแอปพลิเคชัน KhubDee หรือ เป๋าตัง
- กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก
- ยืนยันตัวตนตามขั้นตอนของแต่ละช่องทาง
- ตรวจสอบข้อมูลคะแนนใบขับขี่ที่แสดงผล
นอกจากคะแนนปัจจุบัน ระบบยังแสดงประวัติการกระทำความผิด วันที่กระทำความผิด สถานที่ จำนวนคะแนนที่ถูกตัด และคะแนนคงเหลือ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่ตระหนักถึงพฤติกรรมการขับขี่ของตัวเอง
ระบบตัดแต้ม ใบขับขี่ มีเกณฑ์อย่างไร?

ระบบตัดแต้มใบขับขี่ มีการกำหนดการตัดคะแนนตามความร้ายแรงของการกระทำความผิด ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ดังนี้
ตัดแต้มใบขับขี่ 1 แต้ม
การกระทำความผิดที่ถูกตัด 1 คะแนน เช่น
- ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
- ไม่สวมหมวกนิรภัย
- จอดรถในที่ห้ามจอด
- ไม่มีใบขับขี่ติดตัว (แต่มีใบอนุญาตขับรถ)
- ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนให้ถูกต้อง
- ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่โดยไม่มีอุปกรณ์เสริม
ตัดแต้มใบขับขี่ 2 แต้ม
การกระทำความผิดที่ถูกตัด 2 คะแนน เช่น
- ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่ไม่เกิน 20 กม./ชม.
- ไม่ปฏิบัติตามสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจร
- ขับรถย้อนศร
- ไม่ให้สัญญาณไฟเลี้ยวขณะเปลี่ยนช่องทาง
- บรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
ตัดแต้มใบขับขี่ 3 แต้ม
การกระทำความผิดที่ถูกตัด 3 คะแนน เช่น
- ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เกิน 20 กม./ชม. แต่ไม่เกิน 50 กม./ชม.
- ขับรถโดยไม่ได้รับใบอนุญาตขับขี่
- ขับรถขณะใบขับขี่ถูกพักใช้หรือเพิกถอน
- แซงหรือเปลี่ยนช่องทางในที่คับขัน
- เมาสุราแต่ไม่ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
ตัดแต้มใบขับขี่ 4 แต้ม
การกระทำความผิดที่ถูกตัด 4 คะแนน เช่น
- ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เกิน 50 กม./ชม.
- ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง
- ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว
- แข่งรถในทาง
- เมาสุราหรือเสพยาเสพติดเกินกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
คะแนนใบขับขี่มีกี่คะแนน มีอะไรบ้างที่ต้องรู้?

คะแนนใบขับขี่เริ่มต้นมี 12 คะแนน โดยมีข้อมูลสำคัญที่ควรรู้ ดังนี้
- ระยะเวลาคะแนน: คะแนนใบขับขี่จะมีอายุ 1 ปี นับจากวันที่ออกใบขับขี่หรือวันที่ต่ออายุใบขับขี่
- การคืนคะแนน: เมื่อครบ 1 ปี คะแนนจะกลับมาเป็น 12 คะแนนเหมือนเดิม
- การพักใช้ใบขับขี่: หากคะแนนถูกตัดจนเหลือ 0 คะแนน ใบขับขี่จะถูกพักใช้เป็นเวลา 90 วัน
- การพักใช้ซ้ำ: หากกระทำความผิดซ้ำจนคะแนนเป็น 0 อีกครั้งภายใน 1 ปี ใบขับขี่จะถูกพักใช้เป็นเวลา 180 วัน
- การเพิกถอนใบขับขี่: หากถูกพักใช้ใบขับขี่ 3 ครั้งภายในระยะเวลา 3 ปี ใบขับขี่จะถูกเพิกถอน
- การขอคืนคะแนน: ผู้ขับขี่สามารถเข้ารับการอบรมเพื่อขอคืนคะแนนได้ โดยจะได้รับคะแนนคืน 4 คะแนนต่อการอบรม 1 ครั้ง และทำได้ไม่เกิน 2 ครั้งต่อปี
ช่องทางจ่ายค่าปรับมีให้เลือกทั้งหมด 8 ช่องทาง
การจ่ายค่าปรับจราจรเป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ควรดำเนินการโดยเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดีเพิ่มเติม ปัจจุบันมีช่องทางจ่ายค่าปรับหลากหลาย ดังนี้
- สามารถจ่ายค่าปรับที่ค้างจ่ายต่อนายทะเบียน ที่กรมการขนส่งทางบก สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5, สำนักงานขนส่งจังหวัด, สำนักงานขนส่งจังหวัดสาขา หรือตัวแทนผู้ให้บริการชำระภาษี ขณะไปต่อป้ายภาษีประจำปีได้ทันที
- จ่ายได้ที่สถานีตำรวจทุกแห่ง - สามารถนำใบสั่งไปชำระเงินได้ที่สถานีตำรวจทุกแห่งทั่วประเทศ
- จ่ายได้ที่ไปรษณีย์ทุกสาขา - สามารถชำระค่าปรับที่ไปรษณีย์ไทยทุกสาขาทั่วประเทศ
- จ่ายได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา - สามารถนำใบสั่งไปชำระเงินได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา
- จ่ายได้ที่เคาน์เตอร์บริการที่มีสัญลักษณ์ - เช่น เคาน์เตอร์เซอร์วิส, เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี, แฟมิลี่มาร์ท เป็นต้น
- จ่ายผ่านตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย หรือตู้บุญเติม - สามารถชำระค่าปรับผ่านตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย หรือตู้บุญเติมทั่วประเทศ
- จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน - สามารถชำระผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น Krungthai NEXT, เป๋าตัง, ขับดี เป็นต้น
- จ่ายผ่านเว็บไซต์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ - สามารถชำระผ่านเว็บไซต์ ptm.police.go.th/eTicket โดยเลือกเมนู "ชำระค่าปรับ"
จะรู้ได้ยังไงว่าโดนตัดแต้มใบขับขี่?
เมื่อคุณถูกตำรวจออกใบสั่ง ระบบจะบันทึกข้อมูลการกระทำความผิดและตัดคะแนนโดยอัตโนมัติ คุณสามารถทราบว่าถูกตัดแต้มได้โดย
- ตรวจสอบผ่านช่องทางออนไลน์ - ใช้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่กล่าวไปข้างต้น
- การแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชัน KhubDee - หากลงทะเบียนใช้งานแอปพลิเคชัน KhubDee ระบบจะส่งการแจ้งเตือนเมื่อมีการตัดคะแนน
- สอบถามจากตำรวจจราจร - เมื่อถูกเรียกตรวจ สามารถสอบถามคะแนนปัจจุบันจากตำรวจจราจรได้
- ตรวจสอบจากใบสั่ง - ในใบสั่งจะระบุจำนวนคะแนนที่จะถูกตัดจากการกระทำความผิดนั้นๆ
หากถูกตัดคะแนนใบขับขี่เป็น 0 จะเป็นอย่างไร?
เมื่อคะแนนใบขับขี่ถูกตัดจนเหลือ 0 คะแนน จะมีผลดังนี้
- การพักใช้ใบขับขี่ - ใบขับขี่จะถูกพักใช้เป็นเวลา 90 วัน ในช่วงเวลานี้ คุณไม่สามารถขับรถได้ หากฝ่าฝืนจะมีความผิดทางกฎหมาย
- การพักใช้ซ้ำ - หากถูกตัดคะแนนจนเหลือ 0 อีกครั้งภายใน 1 ปี ใบขับขี่จะถูกพักใช้เป็นเวลา 180 วัน
- การเพิกถอนใบขับขี่ - หากถูกพักใช้ใบขับขี่ 3 ครั้งภายในระยะเวลา 3 ปี ใบขับขี่จะถูกเพิกถอน และคุณจะต้องไปทำใบขับขี่ใหม่
- การทำใบขับขี่ใหม่ - หากใบขับขี่ถูกเพิกถอน คุณจะต้องรอให้พ้นระยะเวลาที่กำหนดก่อนจึงจะสามารถทำใบขับขี่ใหม่ได้
อยากขอคืนคะแนนใบขับขี่ ทำได้หรือไม่?
ใช่ ผู้ขับขี่สามารถขอคืนคะแนนใบขับขี่ได้โดยการเข้ารับการอบรม ดังนี้
- การอบรมขอคืนคะแนน - สามารถเข้ารับการอบรมเพื่อขอคืนคะแนนได้ที่กรมการขนส่งทางบก หรือหน่วยงานที่ได้รับอนุญาต
- คะแนนที่ได้รับคืน - การอบรม 1 ครั้ง จะได้รับคะแนนคืน 4 คะแนน
- จำกัดจำนวนครั้ง - สามารถเข้ารับการอบรมได้ไม่เกิน 2 ครั้งต่อปี หรือไม่เกิน 8 คะแนนต่อปี
อยากเข้าอบรมขอคืนคะแนนใบขับขี่ ต้องทำอย่างไร?
ผู้ขับขี่ที่ต้องการเข้ารับการอบรมเพื่อขอคืนคะแนนใบขับขี่ สามารถดำเนินการได้ดังนี้
- ติดต่อกรมการขนส่งทางบก - สามารถติดต่อขอเข้ารับการอบรมได้ที่กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัด
- เตรียมเอกสาร - เตรียมเอกสารที่จำเป็น ได้แก่
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาใบขับขี่ที่ถูกตัดคะแนน
- ใบรับรองผลการอบรม โดยเมื่อพิจารณาผ่านแล้ว ก็จะสามารถขอคืนคะแนนตามที่กำหนดได้ทันที
หลังจากเข้ารับการอบรมและได้รับการพิจารณาแล้ว คะแนนจะถูกเพิ่มกลับเข้าไปในระบบ ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบได้ผ่านช่องทางการเช็คคะแนนต่างๆ ที่กล่าวไปข้างต้น
สรุป
การเช็คคะแนนใบขับขี่ด้วยตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ขับขี่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรับทราบสถานะปัจจุบันของคะแนนใบขับขี่และปรับปรุงพฤติกรรมการขับขี่ให้ปลอดภัยมากขึ้น แต่จะเช็คแต้มใบขับขี่ยังไง ปัจจุบันมีช่องทางออนไลน์หลากหลายที่ช่วยให้การเช็คคะแนนทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แอปพลิเคชัน KhubDee หรือแอปพลิเคชัน เป๋าตัง
การปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดไม่เพียงช่วยรักษาคะแนนใบขับขี่ของคุณเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนและลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ หากคุณถูกตัดคะแนนจนใกล้หมด การเข้ารับการอบรมเพื่อขอคืนคะแนนก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้คุณยังคงสิทธิ์ในการขับขี่ต่อไปได้
นอกจากนี้ การทำประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะสมก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการรับมือกับความเสี่ยงบนท้องถนน ประกันภัยรถยนต์จาก โลตัส มันนี่ พลัส มอบความคุ้มครองที่ครอบคลุมและคุ้มค่า ช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจและไร้กังวล สนใจคลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม